'กรมน้ำบาดาล'ระดมเจาะบ่อเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น 696 ตำบล 23 จังหวัด
เมื่อวันที่ 6 ก.ย. นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ขานรับนโยบายรัฐบาล โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้มอบหมายให้ ทส.วางแผนการเติมน้ำใต้ดินตลอดฤดูฝนนี้ให้มากที่สุด เพื่อเป็นน้ำต้นทุนในฤดูแล้งหน้า
กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ขับเคลื่อนภารกิจการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้นมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 - 2564 จำนวนทั้งสิ้น 1,528 แห่ง ได้แก่ พื้นที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จำนวน 500 แห่ง พื้นที่ จ.จันทบุรี และระยอง จำนวน 30 แห่ง ส่วนอีก 998 แห่ง ดำเนินการในพื้นที่ 64 จังหวัด 396 อำเภอ จำนวน 998 ตำบล
ผลที่เกิดขึ้นจากการเติมน้ำใต้ดินจะทำให้ระดับน้ำใต้ดินรอบๆ บ่อเติมน้ำค่อยๆ ยกตัวสูงขึ้น และเมื่อมีการก่อสร้างระบบเติมน้ำในพื้นที่กระจายตัว เพิ่มมากขึ้น ระดับน้ำใต้ดินจะยกตัวขึ้นเป็นบริเวณกว้าง เกษตรกรจะสามารถสูบน้ำที่กักเก็บไว้ใต้ดินในช่วงฤดูฝน กลับขึ้นมาใช้ประโยชน์ในฤดูแล้งได้ในระยะยาว และในทางกลับกัน เมื่อปริมาณน้ำหลากท่วมในช่วงหน้าฝนถูกระบายลงไปเก็บไว้ในชั้นใต้ดินมากขึ้น ก็จะเป็นการตัดทอนปริมาณน้ำที่ไหลล้นและท่วมในพื้นที่ลงไปได้ จึงเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังได้อีกทางหนึ่ง
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2564 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2563/2564 ซึ่งเกี่ยวข้องกับภารกิจของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จำนวน 7 โครงการ รวมทั้งสิ้น 2,194 แห่ง เพื่อพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งน้ำบาดาลให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนทั่วประเทศ
โดยโครงการเติมน้ำ ใต้ดินระดับตื้นในพื้นที่ตำบลทั่วประเทศ จำนวน 696 ตำบล เป็น 1 ใน 7 โครงการดังกล่าว มีพื้นที่ดำเนินการ รวม 23 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน นครสวรรค์ อุทัยธานี เพชรบูรณ์ ลพบุรี ขอนแก่น มหาสารคาม ชัยภูมิ กำแพงเพชร ตาก พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย บึงกาฬ หนองคาย ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ขณะนี้ดำเนินการไปแล้วจำนวน 250 แห่ง คงเหลืออีกจำนวน 446 แห่ง คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นทั้งหมดภายในเดือน ต.ค.2564 นี้ สำหรับปีงบประมาณ 2565 รัฐบาลได้อนุมัติให้กรมทรัพยากร น้ำบาดาลดำเนินโครงการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้นเพิ่มเติมอีกจำนวน 300 แห่ง ในจังหวัดกำแพงเพชร และพิจิตร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป
ทั้งนี้การเติมน้ำใต้ดินที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการทั้งหมดเป็นการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างหรือภาคกลางตอนบน เช่น จ.อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท สุโขทัย พิษณุโลก และกำแพงเพชร จะใช้ประโยชน์จากน้ำใต้ดินระดับตื้นเพื่อทำนาปรัง สังเกตได้จากพื้นที่ใดที่น้ำในคลองส่งน้ำแห้งขอด แต่บริเวณรอบๆ คลองส่งน้ำยังมีพื้นที่ทำนาได้ผลผลิตดีเช่นเดิม แสดงว่าเกษตรกรไม่ได้ใช้น้ำผิวดินทำนาปรัง แต่เกิดจากการสูบน้ำใต้ดินระดับตื้นมาใช้
ดังนั้น การเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น จึงเป็นการแก้ไขปัญหาการลดระดับลงของชั้นน้ำใต้ดิน ช่วยฟื้นฟูระดับน้ำใต้ดินให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้พลังงานเพื่อการสูบน้ำน้อยลง จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
ยืนยันว่าการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้นจะไม่ส่งผลกระทบกับบ่อน้ำบาดาลที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการในปัจจุบัน เนื่องจากบ่อน้ำบาดาลจากทุกโครงการขุดเจาะในชั้นน้ำบาดาลระดับลึกตั้งแต่ 100-500 เมตร ซึ่งไม่ใช่ชั้นน้ำบาดาลในระดับเดียวกันกับการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น