CKP โบรกฯ มองโครงการหลวงพระบางหนุนเติบโตระยะยาว ให้เป้า 4.50 บาท
#CKP #ทันหุ้น-บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ CKP หลังจากได้เยี่ยมชมความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการหลวงพระบาง ซึ่ง CKP ถือหุ้น 50% CK ถือ 20% และ GULF ถือหุ้น 20% และบริษัท พีที จำกัด ถือ 10% ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ในลาว แบบน้ำไหลผ่านตลอดปี ขนาด 1,460 เมกะวัตต์ มีสัญญาสัมปทานกับรัฐบาล สปป.ลาว โดยมีกฟผ.เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าทั้งหมด 35 ปี อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 2.403 บาทต่อหน่วย มีงบประมาณการก่อสร้าง 1.6 แสนล้านบาท ใขช้เวลาก่อสร้าง 7 ปี กำหนด SCOD ในวันที่ 1 มี.ค. 2573 โดยมี CK เป็นผู้รับเหมาหลักด้วยมูลค่างานราว 1.0 แสนล้านบาท
ฝ่ายวิจัยแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มองว่าโครงการหลวงพระบางจะช่วยหนุนการเติบโตระยะยาวให้กับ CKP โดยคาดจะสร้างกำไรส่วนเพิ่มจำนวนมากเมื่อก่อสร้างเสร็จในปี 2573 ทั้งนี้ตามรายงาน IFA ที่เสนอต่อผู้ถือหุ้นโครงการหลวงพระบางจะสร้างส่วนแบ่งกำไรให้ CKP ราว 1.9 พันล้านบาทในปี 2573 และเมื่อหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยแล้ว ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะสร้างกำไรส่วนเพิ่มราว 1.0 พันล้านบาทให้กับ CKP หรือคิดเป็นกำไรส่วนเพิ่ม 68% จากฐานกำไรปี 2566 ที่ 1.5 พันล้านบาท
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัย ได้คาดการณ์กำไรปี 2567 ของ CKP จะกลับมาเติบโตที่ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นเข้าใกล้ค่าเฉลี่ยในอดีต จากคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรจากน้ำงึม 2 และไซยะบุรีเพิ่มขึ้น รวมถึงกำไรของ SPP (BIC) เพิ่มขึ้นตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง และคาดค่าไฟฟ้าคงที่ตลอดปีนี้ นอกจากนี้หากอัตราดอกเบี้ยตลาดลดลง จะส่งผลบอกอย่างมากต่อค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย เนื่องจากบาางส่วนกู้เงินเป็นดอลลาร์ซึ่งต้นทุนยังสูงอยู่โดยเฉพาะไซยะบุรี
กลยุทธ์ยังคงแนะนำซื้อหุ้น CKP ให้ราคาเป้าหมายที่ 4.50 บาท ราคาหุ้น CKP ปรับขึ้นดี 18% นับจากต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน ซึ่ง Outperform ทั้ง SET และกลุ่มโรงไฟฟ้า มองว่ายังคงมีประเด็นบวกหนุนจากกำไรที่กลับมาเติบโตในปีนี้และความคืบหน้าของโครงการหลวงพระบาง อีกทั้งแนวโน้มกำไรที่จะเพิ่มขึ้นในแต่ละไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 1/67 จนถึงจุดสูงสุดในไตรมาส 3/67 ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน คาดจะช่วยสนับสนุนราคาหุ้นต่อไป