‘เกาหลีเหนือเตือนสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ หากขีปนาวุธถูกสอยร่วง = ประกาศสงคราม เรียกร้องหยุดซ้อมรบครั้งใหญ่
---เกาหลีเหนือชี้ หากสหรัฐฯ ยิงขีปนาวุธร่วง = ประกาศสงคราม---
KCNA สื่อทางการของเกาหลีเหนือรายงานว่า คิม โยจอง น้องสาวของผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ออกแถลงการณ์เตือนว่า เกาหลีเหนือจะถือว่า นี่คือการ “ประกาศสงคราม” หากสหรัฐฯ มีความเคลื่อนไหวใดที่จะยิงขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือทดสอบ นอกจากนี้ เธอยังตำหนิการซ้อมรบร่วมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น
แถลงการณ์ ยังระบุด้วยว่า เกาหลีเหนือเตรียมพร้อมเสมอในการมีการตอบโต้ที่เหมาะสม รวดเร็ว และเต็มเปี่ยม ในเวลาใดก็ได้ ตามการประเมินของเรา และเกาหลีเหนือติดจามการเคลื่อนไหวทางการทหารที่ไม่หยุดหย่อนของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้อย่างใกล้ชิดมาตลอด
น้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือ ยังส่งสัญญาณด้วยว่า เกาหลีเหนืออาจมีการทดสอบยิงขีปนาวุธไปในมหาสมุทรแปซิฟิกอีก โดยกล่าวว่า มหาสมุทรแปซิฟิก ไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของสหรัฐฯ หรือญี่ปุ่น
---สหรัฐฯ พร้อมยับยั้ง หาก ICBM มายังแปซิฟิก---
ท่าทีของเกาหลีเหนือมีขึ้น หลังมีรายงานกว่า พลเรือเอกจอห์น อะควิลิโน ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ เตือนว่า หากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามทวีป หรือ ICBM มายังแปซิฟิก สหรัฐฯพร้อมที่จะยับยั้งมัน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรยังไม่เคยยิงขีปนาวุธทิ้งตัว หรือ ballistic missile ของเกาหลีเหนือร่วง แม้ว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแบนการทดสอบขีปนาวุธแบบทิ้งตัว แต่ในเวลานี้ เริ่มเกิดคำถามมากขึ้นในเรื่องนี้ เพราะเกาหลีเหนืออาจจะยิงทดสอบขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นมากขึ้น
ขณะที่ บรรดานักวิเคราะห์ กล่าวว่า หากเกาหลีเหนือทำตามที่เคยประกาศไว้ว่า จะเปลี่ยนมหาสมุทรแปซิฟิกให้เป็นสนามซ้อมยิงจริง ๆ ก็จะทำให้เกาหลีเหนือสามารถมีความก้าวหน้าในทางเทคนิค เสริมให้กับความมุ่งมั่นทางการทหารมากขึ้น
---เกาหลีเหนือประณามซ้อมรบร่วม---
ขณะเดียวกัน หัวหน้าแผนกข่าวต่างประเทศของกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือ ออกแถลงการณ์แยกอีกฉบับ กล่าวหาสหรัฐฯ ว่า ทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น ด้วยการซ้อมรบทางอากาศ ด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ร่วมกับเครื่องบินขับไล่ของเกาหลีใต้ เมื่อวันจันทร์ (6 มีนาคม) ที่ผ่านมา
แถลงการณ์ฉบับนี้ ยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการซ้อมรบกับเกาหลีใต้ และเตือนว่า อาจเกิดความขัดแย้งทางกายภาพที่รุนแรงบนคาบสมุทรเกาหลีได้ ประชาคมโลกควรส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ให้หยุดการซ้อมรบเพื่อทำสงครามนี้ทันที
ด้านกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ชี้ว่า การซ้อมรบเมื่อวานนี้ (6 มีนาคม) คือการแสดงพลังต่อต้านภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ จะซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่เป็นเวลากว่าสิบวัน ในปฏิบัติการชื่อ “Freedom Shield” ระหว่างวันที่ 13-23 มีนาคม เพื่อยกระดับภารกิจป้องปรามภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ
ขณะที่ สหรัฐฯ มีทหารประจำการในเกาหลีใต้ราว 28,500 คน อันเป็นผลมาจากสงครามเกาหลีระหว่างปี 1950-1953 ซึ่งจบลงด้วยการหยุดยิง แต่ไม่มีการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพใด ๆ ทำให้จนถึงตอนนี้ ในทางเทคนิค เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยังอยู่ในภาวะสงคราม
ขณะเดียวกัน Korea Times รายงานว่า เจ้าหน้าหน้าที่กลาโหมของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ กำลังหารือความเป็นไปได้ที่ประธานคณะเสนาธิการทหารของสหรัฐฯ พลเอกมาร์ค มิลลีย์ จะเดินทางเยือนเกาหลีใต้ปลายเดือนนี้ หลังการซ้อมรบร่วมเสร็จสิ้น และก่อนหน้านั้น มีการคาดการณ์ว่าเขาจะเดินทางไปเยือนญี่ปุ่น เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือไตรภาคีกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นชาติทรงอิทธิพลในเอเชีย
—————
แปล-เรียบเรียง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง
ภาพ: Getty Images
ข้อมูลอ้างอิง: