ยอดจองรถยนต์อีวีทะลัก NYTนำเข้า2.6แสนคันQ1

NYT รับเน้นๆ มอเตอร์โชว์สุดปัง ยอดจองรถยนต์พุ่ง 42,885 คัน เติบโต 35% เป็นรถอีวีกว่า 9,234 คัน เพิ่มขึ้น 300% ด้าน NYT รับยอดอีวีนำเข้าก้าวกระโดด ชูปริมาณรถผ่านท่าเทียบเรือไตรมาส 1/2566 กลับมาใกล้เคียงปี 2562 ที่ระดับ 2.6 แสนคัน หวังทั้งปีดีต่อเนื่อง ปัญหาชิปคลี่คลาย การผลิตรถยนต์เร่งตัว
บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี ระบุว่า บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) รายงานสรุปการจัดงาน Bangkok International Motor Show เมื่อวันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้เข้าชมงาน 1.62 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผู้เข้าชมงาน 1.58 ล้านคน และสูงกว่ามหกรรมยานยนต์ที่จัดงานในเดือนธันวาคม 2565 ที่ 1.33 ล้านคน อีกทั้งยอดจองรถในงานทำได้ถึง 45,983 คัน เพิ่มขึ้น 36%แบ่งเป็นยอดจองรถยนต์ 42,885 คัน (เติบโต 35% ) และยอดจองรถมอเตอร์ไซค์ 3,098 คัน (เติบโต 52% ) ซึ่งถือเป็นยอดจองที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018 หรือปี 2561 สะท้อนถึงการฟื้นตัวของกำลังซื้อ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น
ยอดจองรถยนต์ภายในงานรวมทั้งสิ้น 42,885 คัน โดยแบ่งเป็นรถสันดาปปกติ 33,651 คัน เพิ่มขึ้นราว +15% (คิดเป็นสัดส่วน 78.5%) และรถ EV 9,234 คัน เพิ่มขึ้นราว 300% (คิดเป็นสัดส่วน 21.5%) โดยอันดับ 1 และ 2 ยังคงเดิมได้แก่ Toyota จำนวน 6,042 คัน +18% จากปีก่อน และ Honda จำนวน 4,304 คัน +43% จากปีก่อน
ขณะที่ยอดจองรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ยังมาจากรถอีวี ซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่ายจีน ได้แก่ MG (อันดับ 3 จำนวน 3,929 คัน เติบโต 69% ),GWM (อันดับ 5 จำนวน 3,117 คัน เติบโต 105% ), BYD (อันดับ 9 จำนวน 2,737 คัน เข้าร่วม MotorShow ครั้งแรก) และ NETA (อันดับ 12 จำนวน 1,300 คัน เข้าร่วม Motor Show ครั้งแรก)
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองบวกจากยอดจองรถยนต์งาน Motor Show 2566 ที่ทำได้ดีจากกำลังซื้อที่ฟื้นตัว และสถานการณ์ผลิตที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังสถานการณ์การขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิตมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงรถ EV ที่มียอดจองคึกคักตามความนิยมที่เพิ่มขึ้น ประเมินยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่ง EV ใหม่ในปี 2566 จะเติบโตก้าวกระโดดจากปี 2565 ที่ 9,583คัน เป็นประมาณ 80,000-100,000 คัน ส่วนยอดผลิตรถยนต์ในปี 2566 ยังประเมินที่ 1.95 ล้านคัน +4% โดยราคาหุ้นกลุ่มยานยนต์ได้ปรับตัวลงในช่วง 3 เดือน แต่ยังดีกว่า SET ถึง 2% จากยอดผลิตรถยนต์ที่เติบโต แนะนำ “ซื้อ” SAT ที่ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท อิงพี/อีปีนี้ที่ 10 เท่า ประเมินกำไรปกติปี 2566 ที่ 1.04พันล้านบาท เพิ่ม 11% เติบโตจากยอดผลิตรถยนต์ที่ดีขึ้น, ได้รับคำสั่งซื้อใหม่เพิ่ม และต้นทุนวัตถุดิบเหล็กที่ลดลง
@NYTรับอานิสงส์นำเข้ารถ
ส่วนหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากยอดจองรถอีวีที่เพิ่มขึ้นมาก คือ SJWD ผู้บริการโลจิสติกส์รถ EV ทุกค่ายรถยนต์ของจีน แนะนำซื้อเป้า 23.00 บาท และ NYT ผู้ดำเนินธุรกิจท่าเรือส่งออกและนำเข้ารถยนต์ (เป้า Bloomberg Consensus เฉลี่ย 4.46 บาท) ประเมินในปี 2566 จะมีการนำเข้ารถอีวี เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็น 5-7 พันคันต่อเดือน จากปี 2565 เฉลี่ยไม่ถึง 1 พันคันต่อเดือน ขณะที่การส่งออกรถยนต์ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันเป็นเฉลี่ยเดือนละ 8.5-9 หมื่นคัน
ขณะที่ แหล่งข่าววงการอุตสาหกรรม เปิดเผยถึง บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) หรือ NYT ว่าปัจจุบันยอดการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) เติบโตต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตก้าวกระโดด เพราะขณะนี้การนำเข้ารถยนต์อาจจะเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำ และขณะนี้ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ ยังได้สิทธิประโยชน์ในการนำเข้า 2 ปีแรก ดังนั้นจึงจะเห็นการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้น ตามความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้นในปัจจุบัน จึงเป็นบวกต่อท่าเทียบเรือของบริษัท ขณะที่ ปริมาณรถยนต์ผ่านท่าเทียบเรือมีแนวโน้มดีขึ้น อย่างเดือนมกราคมอยู่ที่ 8 หมื่นคัน เดือนกุมภาพันธ์ ประมาณ 9 หมื่นคัน คาดว่าเดือนมีนาคมจะทำได้ดี คาดว่าทั้งไตรมาส 1/2566 จะทำได้ใกล้เคียงระดับปกติ ที่ไตรมาสแรกของปีจะอยู่ที่ราว 2.6 แสนคัน และคาดจะดีต่อเนื่องทั้งปี จากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัว หลังปัญหาชิปคลี่คลาย ทำให้เกิดการผลิตรถยนต์ได้มากขึ้น
ยอดนิยมในตอนนี้
