โควิด: คนงานชาวไนจีเรียร้อยละ 20 ต้องตกงานเนื่องจากโรคระบาด
โควิด: รอยเตอร์ รายงานวันที่ 22 ก.ย. ว่า คนงานราวร้อยละ 20 ในไนจีเรียตกงาน อันเป็นผลมาจากโควิด-19 อันเป็นผลกระทบของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ต่อธุรกิจในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดของแอฟริกา
สำนักงานสถิติแห่งชาติไนจีเรีย และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ สำรวจธุรกิจเกือบ 3,000 แห่ง ในภาคส่วนในระบบและนอกระบบไนจีเรีย ในเดือนมีนาคม ระบุว่า 1 ใน 3 ของคนงานไนจีเรียตกงานในไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 ซึ่งเป็นสถานการณ์เลวร้ายลงจากการระบาดใหญ่
"แม้จะมีสัญญาณการฟื้นตัวดีในปีนี้ แต่โควิด-19 ยังส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างใหญ่หลวงต่อไนจีเรีย" สำนักงานสถิติแห่งชาติไนจีเรีย และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ระบุ
ธุรกิจต่างๆ เผยว่ารายได้ลดลง ต้นทุนสูงขึ้น และเครือข่ายความปลอดภัยไม่เพียงพอสำหรับผู้อยู่ในภาคส่วนนอกระบบ และว่าการหยุดชะงักดังกล่าวอาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อองค์กรต่างๆ และมีเพียงไม่กี่ในภาคสาธารณูปโภค การเงิน และสุขภาพ ที่รายงานว่าได้กำไรจากปีที่แล้ว
เศรษฐกิจของไนจีเรีย ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในแอฟริกา ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันลดลง หลังการหยุดชะงักจากการระบาดใหญ่ ประเทศนี้พึ่งพาการส่งออกน้ำมันดิบประมาณ 70% ของรายได้รัฐบาล
ธนาคารโลกระบุว่า การเติบโตของเศรษฐกิจในไนจีเรียหลังโควิดทำให้เศรษฐกิจถดถอย แต่การเติบโตยังล่าช้าในแอฟริกาตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาราที่เหลือ ด้วยอัตราเงินเฟ้ออาหาร ความไม่มั่นคงเพิ่มขึ้น และการปฏิรูปชะงักงันทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว และความยากจนเพิ่มขึ้น
ธนาคารโลกระบุ วิกฤตที่เกิดจากโควิดคาดว่าจะทำให้ชาวไนจีเรีย 11 ล้านคน เข้าสู่ความยากจนในปี 2565 ทำให้จำนวนคนทั้งหมดที่ถูกจัดอยู่ในประเภทคนยากจนในไนจีเรียมีมากกว่า 100 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดราว 200 ล้านคน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เมืองเลกอสแห่งไนจีเรีย "เสี่ยงจม" เผชิญน้ำท่วม-ระดับทะเลสูงขึ้น