สหรัฐฯ ขู่จะบุกไนจีเรีย ทำได้จริงหรือไม่ ? ปมชาวคริสต์ถูกสังหาร

เปิดต้นเดือนพฤศจิกายน หลังจบทัวร์เอเชียได้ไม่นาน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ก็เผยว่า เขาสั่งให้กระทรวงกลาโหม เตรียมพร้อมสำหรับ “ปฏิบัติการทางทหาร” ที่อาจเกิดขึ้นในไนจีเรีย และจะยุติการช่วยเหลือทั้งหมด หากรัฐบาลไนจีเรียไม่สามารถหยุดยั้งการสังหารชาวคริสเตียน จากกลุ่มขบวนการอิสลามหัวรุนแรงได้
คำถามคือ สหรัฐฯ มีอำนาจและเหตุผลเพียงพอที่จะดำเนินการเช่นนั้นหรือไม่ และเหตุใดชาวคริสเตียนในไนจีเรียจึงตกเป็นเป้าการสังหารอย่างต่อเนื่อง
ไนจีเรีย ประเทศแห่งความหลากหลาย
ต้องบอกก่อนว่า ไนจีเรียเป็นประเทศใหญ่มาก ๆ จนได้รับฉายาว่า เป็น “ยักษ์ใหญ่แห่งแอฟริกา” มีประชากรมากกว่า 230 ล้านคน
ไนจีเรีย เป็นประเทศที่มีนโยบายเป็นกลางทางศาสนา ไม่ได้สนับสนุน หรือ กีดกันศาสนาใดเป็นพิเศษ ว่าง่าย ๆ คือ ประชาชนมีสิทธิ์จะนับถือศาสนาอะไรก็ได้ ส่งผลให้ชาวไนจีเรียต่างนับถือศาสนาอิสลาม และคริสต์จำนวนใกล้เคียงกัน
ศาสนาอิสลามคิดเป็น 53% ขณะที่ ศาสนาคริสต์ คือ 45% ส่วนที่เหลือเป็นผู้ที่นับถือศาสนาดั้งเดิมของแอฟริกา
แม้ไนจีเรียจะมีนโยบายเป็นกลางทางศาสนา แต่ในความเป็นจริง ความต่างทางความเชื่อกลับแทรกซึมอยู่ทุกมิติของสังคม โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนกลางของประเทศ ที่เส้นแบ่งระหว่างชาวมุสลิมและคริสเตียนมักซ้อนทับกับเส้นแบ่งทางเชื้อชาติและเศรษฐกิจ ทำให้ความขัดแย้งทางศาสนาค่อย ๆ ปะทุขึ้นจากปัญหาแย่งชิงทรัพยากร เช่น ที่ดินและแหล่งน้ำ
ความรุนแรงต่อชาวคริสเตียนเพิ่มขึ้น
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อชาวคริสเตียนในไนจีเรีย ได้รับความสนใจอย่างมากจากนานาชาติ และมักถูกมองว่าเป็น “การกดขี่ทางศาสนา” จนทำให้ “ทรัมป์” จะจัดให้ไนจีเรียอยู่ในกลุ่มประเทศที่น่ากังวลเป็นพิเศษ โดยระบุว่า ศาสนาคริสต์ในไนจีเรียกำลังเผชิญกับภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้อกล่าวหาเรื่อง การกดขี่ข่มเหงชาวคริสเตียนในไนจีเรีย ถูกเผยแพร่ในกลุ่มอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ มาอย่างต่อเนื่อง และทรัมป์ก็เคยพูดถึงประเด็นนี้ตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งรอบแรกเช่นกัน
องค์กร Open Doors รายงานว่า ในปี 2024 มีชาวคริสเตียนในไนจีเรียถูกสังหารเพราะความเชื่อราว 3,100 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตที่นับถือศาสนาคริสต์ มากที่สุดในโลก
ขณะที่ รายงานของ International Society for Civil Liberties and Rule of Law (Intersociety) ระบุว่า 7 เดือนแรกปี 2025 มีชาวคริสเตียนถูกสังหารในไนจีเรียแล้ว 7,087 คน หรือมีชาวคริสเตียนถูกสังหารเฉลี่ย 30 รายต่อวัน
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมทรัมป์ถึงต้องการส่งทหาร เพื่อหยุดยั้งการสังหารชาวคริสเตียนจำนวนมากในไนจีเรีย
แต่ทางด้าน ประธานาธิบดี “โบลา ทินูบู” ของไนจีเรีย ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม และแต่งงานกับชาวคริสเตียน ออกมายืนยันว่า ไม่มีศาสนาใดถูกเลือกปฏิบัติเป็นพิเศษ หรือถูกตั้งเป้าโจมตีโดยเฉพาะ
“ศาสนา” ไม่ใช่เหตุผลเดียวของความรุนแรง
เมื่อเห็นตัวเลขการเสียชีวิตของชาวคริสเตียนในไนจีเรียสูงขนาดนี้ คำถามสำคัญคือ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับพวกเขา เป็นเหตุผลทางศาสนาจริงหรอ ? ต้องบอกว่า ไม่เสมอไป
ข้อมูลจาก ACLED ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2020-2025 มีเหตุโจมตีพลเรือนประมาณ 12,000 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20,000 คน ซึ่งเหยื่อเป็นทั้งชาวมุสลิม และคริสเตียน ในจำนวนนี้ มีเพียง 5% เท่านั้น ที่เสียชีวิตด้วยเหตุผลทางศาสนา แบ่งเป็น ชาวคริสเตียน 317 คน และมุสลิม 417 คน
ด้วยความที่ไนจีเรีย อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ อย่าง น้ำมัน และธาตุต่าง ๆ แต่เงินส่วนใหญ่กลับไปตกอยู่ในมือของกลุ่มชนชั้นสูง ขณะที่ ประชาชนจำนวนมากตกอยู่ภายใต้เส้นความยากจน เกิดการแย่งชิงที่ดิน, น้ำ และงาน จนก่อให้เกิด
ความรุนแรงทางเชื้อชาติ และการเมือง
ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ ทางเหนือของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มาก โดยมีกลุ่มติดอาวุธก่อเหตุจนมีผู้เสียชีวิตปีละหลายพันคน
ส่วนตอนกลางไนจีเรีย ความขัดแย้งระหว่างชาวมุสลิม และชาวคริสเตียน มักถูกมองว่า เป็นเรื่องศาสนา แต่เหตุผลแท้จริง คือ การแย่งชิงที่ดิน และแหล่งน้ำ ที่เป็นปัญหาต่อเนื่องยาวนาน
ฉะนั้น การที่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน เป็นผลสะท้อนของความล้มเหลวที่รัฐบาลไนจีเรียไม่สามารถปกป้องประชาชนทุกศาสนาได้
โอกาสส่งทหารบุกไนจีเรียเป็นไปได้หรือไม่ ?
แล้วการที่ทรัมป์ขู่จะส่งทหารเข้าไปไนจีเรีย หากไม่สามารถหยุดการฆ่าชาวคริสเตียนได้ จะมีโอกาสเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ต้องบอกตามตรงว่า มันค่อนข้างน้อยมาก
บทความบนเว็บไซต์ Newsweek ระบุว่า เป็นไปได้ยากที่สหรัฐฯ จะส่งทหารบุกไนจีเรีย เพราะ ทรัมป์เองก็เคยบอกว่า เขาไม่ต้องการให้สหรัฐฯ เข้าไปข้องเกี่ยวกับสงครามต่างประเทศ และคัดค้านการส่งทหารสหรัฐฯ ออกนอกประเทศมาโดยตลอด
ตอนนี้ กองทัพสหรัฐฯ ก็ประจำการอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาน้อยมาก ๆ หลังถอนกำลังออกจากไนเจอร์ ตอนเกิดรัฐประหารเมื่อปี 2023 โดยตอนนี้ มีทหารสหรัฐฯ ประจำการในภูมิภาคนี้ไม่ถึง 1,000 นาย
ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงแห่งชาติ ชี้ว่า บทบาทสหรัฐฯ ในแอฟริกามีน้อยมาก เมื่อเทียบกับรัสเซีย และการจะส่งทหารเข้าสู่ดินแดนอื่นนั้น ต้องได้รับความยินยอมจากรัฐบาลนั้น ๆ ก่อน ไม่เช่นนั้น จะเป็นการละเมิดอธิปไตยได้
นอกจากนี้ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เริ่มเบื่อหน่ายกับสงครามระหว่างประเทศแล้ว
ถ้าหาก “ทรัมป์” ต้องการจะดำเนินการจริง ๆ ก็สามารถทำได้ด้วยการส่งหน่วยรบพิเศษเข้าไปปฏิบัติการเฉพาะจุด หรือ ย้ายกองกำลังเรือรบ ไปประจำการอ่าวกินี ซึ่งใกล้กับไนจีเรียได้
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ การตัดความช่วยเหลือแก่ไนจีเรีย ก็ทำให้ชาวไนจีเรียส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ เพราะว่า ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือทั้งทางด้านสาธารณสุข, การศึกษา และอาหาร
ขณะนี้ ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ก็ลดลง จาก 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2023 เหลือเพียง 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025
คำขู่ของทรัมป์ ยังก่อให้เกิดความกังวลในหมู่นักลงทุน จนทำให้ค่าเงินไนรา และพันธบัตรรัฐบาลไนจีเรียมีมูลค่าลดลง ซึ่งถือว่า เป็นผลเสียต่อตัวประธานาธิบดีทินูบู ที่พยายามปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศ ด้วยการยกเลิกเงินอุดหนุนค่าน้ำมัน และปรับกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงินตรา
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
https://apnews.com/article/nigeria-christian-genocide-trump-9e09e52e33e7efe2d2d27360d3695ef5
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
