ทรัมป์สั่งเพนตากอน เตรียมปฏิบัติการทางทหารในไนจีเรีย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่นว่า เขาได้สั่งให้กระทรวงกลาโหมเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติการทางทหารในไนจีเรีย หลังจากที่เขายังคงกล่าวหาว่ารัฐบาลไนจีเรียไม่ยับยั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชาวคริสต์ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ไนจีเรียปฏิเสธมาตลอด

ทรัมป์เผยว่า การสังหารหมู่ชาวคริสต์ในไนจีเรีย สหรัฐฯจะ “ยุติความช่วยเหลือทั้งหมดต่อไนจีเรียทันที” และเตือนให้รัฐบาลไนจีเรีย “ดำเนินการอย่างรวดเร็ว”

ทรัมป์ยังบอกอีกว่าสหรัฐฯ อาจจะบุกเข้าประเทศที่ถูกตราหน้านี้ทันทีด้วยอาวุธ เพื่อกวาดล้างผู้ก่อการร้ายอิสลามที่กำลังก่ออาชญากรรมเหล่านี้

ทั้งชาวคริสต์และชาวมุสลิมต่างตกเป็นเหยื่อการโจมตีของกลุ่มหัวรุนแรงในประเทศที่มีประชากรมากกว่า 230 ล้านคน ความรุนแรงในไนจีเรียขับเคลื่อนจากปัจจัยหลากหลายประการ บางเหตุเป็นแรงจูงใจทางศาสนาและกระทบทั้งสองฝ่าย ขณะที่บางเหตุเกิดจากข้อพิพาทระหว่างชาวนาและคนเลี้ยงสัตว์ในเรื่องทรัพยากรที่จำกัด รวมถึงความตึงเครียดเชื้อชาติและชุมชน

คำประกาศของทรัมป์มีขึ้นหลังจากที่เขากล่าวหาไนจีเรียเรื่องละเมิดเสรีภาพทางศาสนาเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยอ้างว่า “ศาสนาคริสต์กำลังเผชิญกับภัยคุกคามเชิงการดำรงอยู่ในไนจีเรีย” และประกาศให้ไนจีเรียเป็น “ประเทศที่น่ากังวลเป็นพิเศษ” ภายใต้กฎหมายเสรีภาพทางศาสนาระหว่างประเทศ หมายความว่าไนจีเรียมีส่วนร่วมหรือยอมให้มี “การละเมิดเสรีภาพทางศาสนาอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง และร้ายแรง”

ประธานาธิบดีโบลา ทินูบู ของไนจีเรีย โพสต์ว่า “การบอกว่าไนจีเรียว่าไม่อดทนทางศาสนานั้น ไม่สะท้อนความเป็นจริงของชาติของเรา และไม่คำนึงถึงความพยายามอย่างจริงใจของรัฐบาลในการคุ้มครองเสรีภาพศาสนาและความเชื่อของทุกคน”

เขาเสริมว่าไนจีเรียกำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ และประชาคมระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มความเข้าใจและความร่วมมือในการคุ้มครองชุมชนทุกศาสนา”