ททท.ชูแผนบูมเที่ยว อัดโปรโกยไฮซีซัน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะจีนที่ยกเลิกใช้ผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบก่อนเดินทางเข้าประเทศจีน และกรมการบินพลเรือนของจีนอนุญาตให้สายการบินประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทย สามารถบินเข้าประเทศจีนได้สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน ขณะที่ฮ่องกงลดเวลากักตัวในโรงแรมเหลือ 3 วัน จากเดิม 7 วัน และสังเกตตนเอง 4 วัน ประกอบกับสายการบินทั่วโลกเริ่มเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากขึ้น

ดังนั้น ททท.จึงเตรียมมาตรการคู่ขนานทั้ง 1.ปรับลดต้นทุนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศให้ถูกลง เพื่อกระตุ้นบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย และดึงดูดให้คนไทยอยากเดินทางท่องเที่ยวในไทยมากกว่าเดินทางไปต่างประเทศ และ 2.กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติวางแผนเดินทางเข้ามาพักผ่อนระยะยาวในไทย

ทั้งนี้ ททท. ได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการสายการบินภายในประเทศ และผู้ประกอบการโรงแรม เพื่อหาแนวทางปรับลดต้นทุนการเดินทาง – การจับจ่ายใช้สอยระหว่างเดินทางท่องเที่ยวในประเทศลง ควบคู่กับการทำงานร่วมกับเอเจนซี และเจ้าหน้าที่ททท.ที่กระจายอยู่ในประเทศเป้าหมายทั่วโลกโดยเฉพาะทวีปยุโรป และประเทศเพื่อนบ้าน อาทิมาเลเซีย, อินโดนีเซียที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย เพิ่มโปรโมชั่น และโน้มน้าวให้สายการบินเพิ่มเที่ยวบิน “ชาร์เตอร์ไฟล์” เข้าไทยให้มากขึ้น

@รัสเซีย-แคนาดาเปิดไฟลต์บินตรงเข้าไทย

ที่สำคัญตลาดหลักของไทยมีแผนกลับมาเปิดเที่ยวบินตรงเข้าไทยในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) เช่นตลาดรัสเซีย มีเที่ยวบินเส้นทาง มอสโก-ภูเก็ต 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มต้นวันที่ 30 ตุลาคม 2565 และตลาดแคนาดา มีเที่ยวบินเส้นทาง แวนคูเวอร์-กรุงเทพฯ 4 เที่ยวบิน เริ่มวันที่ 1 ธันวาคม 2565

นอกจากนี้ มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านผ่านด่านชายแดนทางบกของไทยทั่วประเทศ และ ททท.ได้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวอาเซียน อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย อย่างต่อเนื่อง

“เป้าหมายคืออยากให้คนไทยเที่ยวในประเทศ 160 ล้านคนครั้ง แต่ล่าสุดทำได้ 120 ล้านคนครั้ง เพราะต้องยอมรับว่าค่าครองชีพเร่งตัวขึ้นเป็นปัจจัยกดดัน ก็ได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการหาทางช่วยปรับลดต้นทุนการเดินทางให้จูงใจ สร้างบรรยากาศไทยเที่ยวไทยให้คึกคักอีกครั้ง ส่วนต่างชาติปัจจุบันที่นั่งของแต่ละสายการบินมีมาไทยประมาณ 30% ก็เร่งกระตุ้นเต็มที่หวังเพิ่มให้ได้ 50%โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/2565นี้”

@ ลุยหุ้นเปิดเมือง

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า การที่เศรษฐกิจในประเทศไทยยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องหนุนจาก 1.การกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติ 90% ทั้งการไปเรียนที่โรงเรียน, ทำงานที่สำนักงาน 2.รายได้ภาคเกษตรที่สูงขึ้น 3.การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และ 4.การเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว นักธุรกิจต่างประเทศ ปัจจัยเหล่านี้จะกระตุ้นให้มีเม็ดเงินใหม่เข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงยังคงเลือกลงทุนในธีมหุ้น Reopening Plays ได้โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว อาทิ AMATA ซึ่งอยู่ในสถานะที่ดีจากการเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการหลายอุตสาหกรรม รวมถึงการผลักดันไทยให้เป็น EV Hub คู่ขนาดกับการเป็นฐานการผลิตอุปกรณ์ยานยนต์รายใหญ่ของโลก

พร้อมกันนี้ AMATA จะยังได้ประโยชน์จากกระแสการย้ายฐานการลงทุนเข้าสู่เวียดนาม การดำเนินการเชิงพาณิชย์ที่อมตะ ซิตี้ ลองถั่น ซึ่งเป็นนิคมที่มีมูลค่าและอัตรากำไรสูง และความคืบหน้าของ IE แห่งใหม่ใน สปป.ลาวในครึ่งปีหลัง จะได้รับปัจจัยหนุนจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน หนุนยอดขายที่ดินที่แข็งแกร่งขึ้น และการเปิดประเทศของจีนในช่วงปลายไตรมาส 4/2565 จะช่วยสนับสนุนยอดขายทั้งปี 2566 ให้แข็งแกร่งต่อเนื่อง จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 24 บาท

ส่วนหุ้นท่องเที่ยว AWC ประเมินว่าจะรายงานผลขาดทุนน้อยลงในไตรมาส 3/2565เทียบกับไตรมาส 2/2565ที่ขาดทุน 189 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่มากขึ้นหลังรัฐบาลยกเลิกระบบ Thailand Pass เช่นเดียวกับ CENTEL ที่จะรายงานกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2565ที่กำไรพลิกเป็นบวกแล้วที่ 22 ล้านบาท