HFTได้ดีมอเตอร์ไซค์ พ้นจุดต่ำสุดไตรมาส2
HFT ชี้ไตรมาส 2/2566 พ้นจุดต่ำสุด แม้สถานการณ์คำสั่งซื้อในยุโรปปีนี้ยังไม่ฟื้นตัว แต่ได้ส่วนชดเชยจากคำสั่งผลิตยางรถมอเตอร์ไซค์จากรายใหญ่เข้ามาเพิ่ม อวดแบ็กล็อกแน่น 1 เดือนล่วงหน้า เตรียมงบ 50 ล้านบาท จัดซื้อเครื่องจักรใหม่รองรับการผลิตยางรถมอเตอร์ไซค์ จับตาไตรมาส 3/2566 เห็นความชัดเจนขยายตลาดยางรถจักรยานไฟฟ้าเข้าสู่ประเทศจีน
นายจวง จื้อ เหยา รองประธานกรรมการ บริษัท ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ HFT เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/2566 คาดว่าจะพ้นจุดต่ำสุด แม้ว่าสถานการณ์ยอดขายยางรถจักรยานในยุโรปจะยังไม่ฟื้นตัว แต่ด้วยคำสั่งผลิตยางรถมอเตอร์ไซค์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จะเข้ามาช่วยทดแทนยางรถจักรยานที่ชะลอตัวลงไปได้บ้างในปีนี้
*ยางมอเตอร์ไซค์หนุน
“ปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งผลิตยางรถมอเตอร์ไซค์แบรนด์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่องทำให้คำสั่งผลิตในมือ (Backlog) มีล่วงหน้าไปแล้วกว่า 1 เดือน และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเต็ม 100% แล้วในปัจจุบัน”
ทั้งนี้ในปี 2566 บริษัทมีแผนเพิ่มเครื่องจักรผลิตยางมอเตอร์ไซค์เข้ามาเพิ่มเติม มูลค่าลงทุนราว 50 ล้านบาท ทำให้บริษัทจะมีกำลังการผลิตส่วนยางมอเตอร์ไซค์เพิ่มเป็นกว่า 5,600 เส้นต่อวัน จากเดิมที่มี 4,400 เส้นต่อวัน เพิ่มขึ้นอีกกว่า 1,200 เส้นต่อวัน หรือสามารถเพิ่มยอดขายให้ได้ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทต่อปี
ในส่วนของยอดจำหน่ายยางล้อรถจักรยานใหม่ และล้อรถจักรยานไฟฟ้าในประเทศฟิลิปปินส์ก็เติบโตได้ดี ขณะที่ยอดจำหน่ายล้อรถจักรยานใหม่ในกัมพูชาก็เริ่มทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับยอดจำหน่ายล้อรถจักรยานในทวีปยุโรป แม้ว่ายอดจำหน่ายล้อรถจักรยานใหม่จะหดตัว แต่ยอดจำหน่ายล้อรถจักรยานโดยรวมยังทยอยฟื้นตัว จากการเปลี่ยนยางล้อรถจักรยานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านมอเตอร์ไซค์ไม่มียางใน (Tubeless) นั้น ยังแนวโน้มความต้องการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน อัตราการใช้กำลังการผลิตในบางช่วงเต็ม 100%
โดยในช่วงไตรมาส 3/2566 บริษัทมีแผนที่จะปรับขึ้นราคาสินค้าบางรายการเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องตามต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้สินค้ากลุ่ม Tubeless เป็นสินค้าที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าอื่นๆ จึงมองว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนมาร์จิ้นที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2566 นี้
**ครึ่งหลังมาร์จิ้นดี
ทั้งนี้ ปี 2566 บริษัทจะรักษาระดับรายได้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,431.12 ล้านบาท แม้ยอดขายยางนอก-ยางในรถจักรยานจะชะลอตัว แต่ยังมียอดขายยางในยางนอก-ยางในรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาทดแทน โดยสัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาจากการขายในยางนอก-ยางในรถมอเตอร์ไซค์เพิ่มเป็น 50-60% ส่วนรายได้จากการขายในยางนอก-ยางในรถจักรยานจะลดลงอยู่ที่ระดับ 40-50% จากเดิมที่มีสัดส่วนมากกว่า 60%
ขณะที่ต้นทุนในช่วงไตรมาส 2/2566 เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 เนื่องจากจากต้นทุนวัตถุดิบล็อตใหม่ที่ปรับลดลงตั้งไตรมาส 2/2566 เป็นต้นไป ควบคู่กับการทยอยติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) บนหลังคาโรงงาน ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 4.7 เมกะวัตต์ เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนพลังงานลงได้ราวปีละ 20-25 ล้านบาท หรือเฉลี่ยราว 2-2.5 ล้านบาทต่อเดือน
ความคืบหน้าในการขยายฐานการตลาดล้อรถจักรยานไฟฟ้าเข้าสู่ประเทศจีนนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างประสานงานกับรัฐบาลจีน เพื่อขอใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ซึ่งตามปกติจะใช้เวลาในการอนุมัติประมาณ 2-3 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าจะสามารถส่งสินค้าไปมณฑลยูนนานได้ในช่วงไตรมาส 3/2566 นี้ ทำให้มองว่าสถานการณ์ยอดขายในช่วงครึ่งหลังปีมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง