รีเซต

ประวัติวันฮาโลวีน: ที่มา ความสำคัญ และความเชื่อของวันแห่งความหลอน

ประวัติวันฮาโลวีน: ที่มา ความสำคัญ และความเชื่อของวันแห่งความหลอน
TNN ช่อง16
30 ตุลาคม 2567 ( 13:05 )
30
ประวัติวันฮาโลวีน: ที่มา ความสำคัญ และความเชื่อของวันแห่งความหลอน

วันฮาโลวีน หรือ All Hallows' Eve ที่ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี เป็นเทศกาลที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีความเชื่อที่น่าสนใจ โดยมีต้นกำเนิดมาจากเทศกาลของชาวเคลต์โบราณที่เรียกว่า "แซมเฮน" (Samhain) ซึ่งเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่โลกของคนเป็นและคนตายมาบรรจบกัน


ในอดีต ชาวเคลต์เชื่อว่าในคืนวันที่ 31 ตุลาคม เป็นช่วงสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวและเริ่มต้นฤดูหนาว วิญญาณของผู้ล่วงลับจะกลับมาเยี่ยมเยียนโลกมนุษย์ ผู้คนจึงจุดไฟและแต่งกายด้วยชุดน่ากลัวเพื่อขับไล่วิญญาณร้าย พร้อมทั้งเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับ


เมื่อศาสนาคริสต์แพร่หลายเข้ามา ทางโบสถ์คาทอลิกได้กำหนดให้วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็น "วัน All Saints' Day" หรือวันนักบุญทั้งหมด และวันที่ 2 พฤศจิกายนเป็น "วัน All Souls' Day" หรือวันวิญญาณทั้งหมด ส่งผลให้วันที่ 31 ตุลาคมกลายเป็นคืนก่อนวันนักบุญ หรือ "All Hallows' Eve" ซึ่งต่อมากลายเป็นคำว่า "Halloween"


ในปัจจุบัน ประเพณี "Trick-or-Treat" หรือการแต่งตัวเป็นผีและเดินไปตามบ้านเพื่อขอลูกอม เป็นกิจกรรมยอดนิยมในวันฮาโลวีน โดยเฉพาะในประเทศตะวันตก นอกจากนี้ยังมีการแกะสลักฟักทอง หรือ Jack-o'-lantern ซึ่งมีตำนานเล่าว่าเป็นการระลึกถึงชายชื่อแจ็คที่หลอกล่อปีศาจ และถูกสาปให้ต้องเดินพเนจรไปมาพร้อมโคมไฟที่ทำจากหัวผักกาด


ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา วันฮาโลวีนได้กลายเป็นเทศกาลที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก มีการจัดงานปาร์ตี้ แต่งตัวแฟนซี ตกแต่งบ้านและสถานที่ต่างๆ ด้วยธีมผีๆ รวมถึงการฉายภาพยนตร์สยองขวัญ ทำให้เทศกาลนี้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานและความบันเทิงที่ผสมผสานระหว่างความน่ากลัวและความสนุกสนานได้อย่างลงตัว


แม้ว่าในปัจจุบัน วันฮาโลวีนจะถูกมองว่าเป็นเทศกาลเชิงพาณิชย์มากขึ้น แต่รากเหง้าทางวัฒนธรรมและความเชื่อดั้งเดิมก็ยังคงได้รับการอนุรักษ์และสืบทอดผ่านประเพณีต่างๆ ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ทำให้วันฮาโลวีนยังคงเป็นเทศกาลที่มีเสน่ห์และน่าสนใจสำหรับผู้คนทุกเพศทุกวัย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง