ทีมเทคโนแครตในรัฐบาลอนุทิน บทพิสูจน์มืออาชีพในเวลาจำกัด

รัฐบาลชุดใหม่ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ถูกมองว่าเป็น “สนามสอบใหญ่” ของเทคโนแครตหรือรัฐมนตรีคนนอกที่ได้รับความไว้วางใจให้กุมบังเหียนกระทรวงสำคัญในภาวะที่ประเทศกำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ราคาพลังงานที่ผันผวน หรือการแข่งขันการค้าโลกที่เข้มข้นขึ้น การเลือกคนที่ไม่ได้มาจากสนามเลือกตั้งครั้งนี้คือการวัดใจว่า “มืออาชีพ” จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ในเวลาจำกัดเพียงไม่กี่เดือนหรือไม่
แกนการคลัง วางวินัย คุมเสถียรภาพ และพยุงเครื่องยนต์เศรษฐกิจ
หัวใจสำคัญอยู่ที่การจัดการด้านการคลัง ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผ่านประสบการณ์จากงานภาษี การเงินสาธารณะ และการดูแลทรัพย์สินรัฐในหลายมิติ ทำให้มีภาพรวมทั้งรายรับ รายจ่าย และหนี้สาธารณะ ขณะเดียวกัน วรภัค ธันยาวงษ์ เชื่อมโยงนโยบายเข้ากับระบบธนาคารและตลาดการเงิน เน้นธรรมาภิบาลสินเชื่อและคุณภาพหนี้ เป้าหมายร่วมของทั้งสองคือการเดินบนเส้นทางที่รักษาวินัยการคลังควบคู่กับมาตรการพยุงเศรษฐกิจไม่ให้สะดุด
พลังงาน ลดต้นทุน พร้อมวางทางเปลี่ยนผ่าน
ภาคพลังงานถูกมองว่าเป็นตัวแปรสำคัญของต้นทุนทุกภาคส่วน อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีตผู้บริหารองค์กรด้านพลังงานขนาดใหญ่ เข้ามาพร้อมความเข้าใจห่วงโซ่ธุรกิจครบวงจร งานเร่งด่วนคือการคุมค่าไฟและเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่ครัวเรือนและภาคธุรกิจรับได้ ควบคู่กับการจัดทำแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสะอาดเพื่อรองรับอนาคต จุดสำคัญคือการออกแบบสัญญาและกลไกตลาดที่แข่งขันได้จริง โดยไม่ทำให้ภาระหนี้ของรัฐเพิ่มจนกลายเป็นปัญหาระยะยาว
การต่างประเทศ สร้างสมดุลผลประโยชน์ในโลกผันผวน
การต่างประเทศถูกมองว่าเป็นคันบังคับสำคัญของโอกาสทางเศรษฐกิจ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว นักการทูตอาชีพ นำเครือข่ายทวิภาคีและพหุภาคีมาใช้ขยายตลาดและความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ โจทย์หลักคือการรักษาสมดุลระหว่างมหาอำนาจและคู่ค้าที่มีผลประโยชน์แตกต่างกัน ขณะเดียวกันต้องบริหารความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันการค้าของประเทศต่างๆ ให้ทันเวลา
พาณิชย์ ยกระดับซัพพลายเชนและแบรนด์ไทย
ด้านการค้า ศุภจี สุธรรมพันธุ์ เน้นยกระดับมาตรฐานสินค้า การคุ้มครองผู้บริโภค และการดึงผู้ประกอบการเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลที่แข่งขันในระดับสากล แนวคิดสำคัญคือการผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและการลงทุน มากกว่าจะเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว หากสามารถทำให้ผู้มาเยือนแปรเปลี่ยนเป็นการลงทุนจริง จะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้เศรษฐกิจไทยในสายตาต่างประเทศ
ยุติธรรม ความไว้วางใจคือทุนทางสังคม
นอกจากด้านเศรษฐกิจแล้ว การสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบยุติธรรมก็เป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญ ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล มุ่งลดคดีค้าง ลดขั้นตอนซ้ำซ้อน และขยายกลไกยุติธรรมชุมชน ขณะเดียวกันยกระดับระบบราชทัณฑ์และการคุมประพฤติ เพื่อให้สังคมไว้วางใจในกฎหมายมากขึ้น ส่วนบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ทำหน้าที่วางกรอบกฎหมายที่สอดคล้องกับมาตรการเศรษฐกิจและสังคม เน้นให้ประชาชนและธุรกิจเข้าใจง่าย ลดภาระการปฏิบัติ แต่ยังคงการตรวจสอบอย่างเข้มข้น
บทเรียนจากอดีตเทคโนแครต
เมื่อมองไปข้างหลัง จะเห็นร่องรอยของเทคโนแครตที่เคยมีบทบาทสำคัญต่อการเมืองไทย เช่น ดร.เสนาะ อูนากูล ในรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่ออกแบบระบบเศรษฐกิจมหภาคอย่างเป็นขั้นตอน และดร.วีรพงษ์ รามางกูร ในรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ที่เน้นการอธิบายนโยบายด้วยภาษาที่ประชาชนเข้าถึงได้ บทเรียนเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า การทำงานเชิงโครงสร้างและการสื่อสารที่เข้าใจง่ายมีความสำคัญไม่แพ้กัน
ทางเลือกในเวลาที่ถูกบีบ
รัฐบาลอนุทินมีเวลาเพียงไม่กี่เดือนก่อนการเลือกตั้งใหญ่ ทีมเทคโนแครตจึงต้องเดินเกมสองชั้น ชั้นแรกคือมาตรการควิกวิน เช่น การเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนที่พร้อมใช้ การแก้คอขวดกฎระเบียบ และการเปิดทางส่งออกที่ติดเงื่อนไขใหม่ ชั้นที่สองคือพิมพ์เขียวระยะกลางถึงยาว เช่น แผนวินัยการคลังที่ชัดเจน และการเตรียมโครงสร้างพลังงานที่รองรับอุตสาหกรรมอนาคต หากทำได้ทั้งสองชั้นพร้อมกัน แม้เวลาจำกัด แต่จะช่วยให้ประเทศมีทั้งจังหวะฟื้นตัวและทิศทางในอนาคต
ความคาดหวังต่อทีมใหม่
คำถามที่ถูกตั้งไว้คือ รัฐมนตรีคนนอกเหล่านี้จะทิ้งร่องรอยอะไรไว้ในสังคม ประชาชนจะเชื่อเมื่อเห็นมาตรการที่สัมผัสได้จริง เช่น การคืนภาษีที่เร็วขึ้น ค่าไฟที่คาดการณ์ได้ หรือการเปิดตลาดใหม่ที่เป็นรูปธรรม หากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น จะเป็นเครื่องยืนยันว่า ความรู้เชิงวิชาชีพสามารถเปลี่ยนเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ และบทพิสูจน์ในเวลาจำกัดนี้ก็อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองไทยในอนาคต
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
