รีเซต

นักเศรษฐศาสตร์โนเบลชี้การศึกษาเสมอภาคคือทางออกวิกฤต

นักเศรษฐศาสตร์โนเบลชี้การศึกษาเสมอภาคคือทางออกวิกฤต
TNN ช่อง16
10 กรกฎาคม 2563 ( 18:11 )
106
นักเศรษฐศาสตร์โนเบลชี้การศึกษาเสมอภาคคือทางออกวิกฤต

วันนี้ ( 10 ก.ค. 63 )ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) ร่วมกับ ภาครัฐ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ธนาคารโลก (World Bank) Global Partnership for Education และ Save the children UNESCO และภาคีเครือข่าย จัดประชุมวิชาการนานาชาติเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา : ปวงชนเพื่อการศึกษา ระหว่างวันที่ 10 - 11 กรกฏาคม 2563 ในรูปแบบการประชุมวิชาการออนไลน์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลก โดยมีนักปฏิรูป นักเศรษฐศาสตร์ ผู้นำด้านการศึกษากว่า 60 คน จาก 14 ประเทศ ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และระดมสมองหาทางออกแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจากวิกฤตโควิด-19 ใน 4 ประเด็น คือ 1.ข้อมูลและเทคโนโลยี 2.นวัตกรรมการเงินการคลังเพื่อการศึกษา 3.การศึกษาเชิงพื้นที่ 4.ปวงชนเพื่อการศึกษา




นายอมาตยา เซน นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลด้านการพัฒนาและศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจที่ทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้การศึกษาเพื่อปวงชนเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เราเห็นว่าการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราจัดการกับปัญหาใหญ่ๆได้รวมถึงโควิด19 ซึ่งเป็นโรคระบาดอุบัติใหม่ครั้งใหญ่ของโลก ทั้งนี้เราพบว่าการศึกษาจะเข้ามาช่วยควบคุมและจัดการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ได้ เพราะเมื่อคนได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกันเขาก็จะสามารถจัดการชีวิตของตนเองได้ และสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเองจากการได้รับการศึกษาได้ และนอกจากนี้แล้วก็ยังจะมาช่วยกันดูแลสังคมให้เป็นสังคมที่มีคุณภาพได้ด้วยเช่นกัน




นางอลิส ออร์ไบร์ท ผู้จัดการกองทุนการศึกษาโลก หรือ Global Partnership for Education (GPE) องค์กรที่ให้ทุนเพื่อช่วยเหลือด้านการศึกษากับประเทศที่กำลังพัฒนามากที่สุดในโลกและให้ทุนกับรัฐบาลของ 60 ประเทศที่ยากจนที่สุดเพื่อรับมือวิกฤตโควิด-19 กล่าวว่า การเเพร่ระบาดของโควิด19 ยิ่งทำให้สถานการณ์ของเด็กยากจนเลวร้ายลง เมื่อทั่วโลกตัดสินใจล็อคดาวน์ ส่งผลให้เด็กกว่า 1.6 พันล้านคนไม่ได้ไปโรงเรียน เเละมากกว่าครึ่งของเด็กเหล่านั้นอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเข้าใจได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องปิดโรงเรียนเพื่อรักษาชีวิตคนไว้ เเต่เมื่อยิ่งปิดนานเท่าไหร่ ผลที่จะเกิดกับสังคมยิ่งรุนเเรงมากขึ้นเท่านั้น องค์กรมาลาล่าฟันด์ เป็นองค์กรที่ทำงานด้านเด็กเเละสตรี ระบุว่าผลกระทบจากโควิดทำให้ เด็กผู้หญิง10 ล้านคนที่อยู่ในชั้นมัธยมต้องออกจากระบบการศึกษาไปตลอดกาล เเม้ว่าสถานการณ์จะสิ้นสุดลงเเล้วก็ตาม


“ประเทศที่กำลังพัฒนา เศรษฐกิจจะหดตัวลงมากถึง2.5%ทำให้เกิดความหายนะครั้งใหญ่ งบประมาณของรัฐลดลงส่งผลต่อการลดงบประมาณด้านการศึกษาของประเทศ นอกจากนี้รายได้เศรษฐกิจครัวเรือนลดลงอย่างรุนเเรง ทำให้ครอบครัวไม่สามารถนำเงินมาส่งบุตรหลานเรียนหนังสือได้ ผู้ปกครองต้องเลือกส่งลูกบางคนไปเรียนหนังสือ ผู้หญิงเเละผู้พิการ จะเป็นกลุ่มที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เเละงบประมาณการช่วยเหลือประเทศที่มีรายได้ต่ำจะหายไป เเละจะขาดรายได้ในการระดมทุนช่วยเหลือประเทศที่ยากจน เมื่อเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษา เด็กจะสูญเสียการเรียนรู้เเละรายได้ การเลี้ยงชีพตัวเองในอนาคต สูญเสียโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองไปตลอดชีวิต” นางออร์ไบร์ท กล่าว

นางออร์ไบร์ท ยังแสดงความยินดีกับความก้าวหน้าในด้านการผลักดันการศึกษาเพื่อความเสมอภาคของกสศ.ในไทย ซึ่งสำหรับ GPE ในฐานะที่ทำงานในด้านนี้มานานกว่า ยอมรับว่า แนวทางและวิธีการแก้ปัญหาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเสมอภาคเท่าเทียมทางการศึกษา ไม่มีสูตรแก้ไขที่สำเร็จตายตัว แต่ GPE ก็พร้อมให้ความร่วมมือในการแบ่งปันข้อมูลหรือองค์ความรู้กับทางกสศ.เพื่อไปให้ถึงความเสมอภาคทางการศึกษาอย่างยั่งยืน


“ภายใต้สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 บรรดาองค์กรและหน่วยงานด้านการศึกษาทั้งหลาย ควรตระหนักได้เสียทีถึงบทบาทและความจำเป็นของระบบการศึกษาทางไกลด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นแบบไฮเทค โลว์เทค โนเทค หรือมิดเทค (Mid-tech) และให้คุณครูเข้ามามีส่วนร่วมกับการเรียนการสอนทางไกล เราต้องทำให้มั่นใจว่า การศึกษาทางไกลที่นำมาใช้จะต้องไม่ทำให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่มีอยู่ในปัจจุบันขยายวงกว้างมากขึ้น มันค่อนข้างเป็นการทำงานที่ยากพอสมควรในการทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปในหนทางที่ถูกต้อง เพราะเรามั่นใจว่า เมื่อใดก็ตามที่วิกฤตการระบาดจบลง เราไม่สามารถตื่นลืมตามาเผชิญกับโลกที่ความไม่เสมอภาคเท่าเทียมทางการศึกษาทวีความเลวร้ายรุนแรงมากขึ้น" นางออร์ไบร์ท กล่าว




นางยาสมิน เชอรีฟ ผู้อำนวยการ Education Cannot Wait (ECW) กล่าวว่า ECW ประเมินว่า มีเด็กทั่วโลกที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบการศึกษามากถึง 75 ล้านคน ซึ่งตัวเลขนี้มีแนวโน้มจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ในวิกฤต COVID-19 สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ความอ่อนด้อยในเชิงโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ที่การระบาดของ COVID-19 จะกลายเป็นการซ้ำเติม ทำให้การดำรงชีวิตในสังคมยุ่งยากเลวร้าย และเสี่ยงทำให้ครอบครัวที่ยากจนต้องเผชิญหน้ากับภาวะยากจนขั้นสุด (extreme poverty) ที่ในท้ายที่สุดจะส่งผลบีบให้เด็กต้องหลุดออกจากระบบการศึกษากลางคัน ซึ่งการเลิกเรียนกลางคัน ไม่ได้มีผลกระทบต่อโอกาสในการเรียนหนังสือของเด็กเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึง ปัญหาทางสังคมอื่นๆ ที่จะตามมา ทั้งเรื่องการใช้แรงงานเด็ก การล่วงละเมิดสิทธิเด็ก การแต่งงานในวัยเยาว์ การเป็นคุณแม่วัยใส การตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์และอื่นๆ อีกมากมาย

"COVID-19 ทำให้ ความไม่เสมอภาคเท่าเทียมในสังคมกลายเป็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ขณะที่คนในซีกโลกหนึ่งมีไฟฟ้าใช้เป็นเรื่องปกติ คนอีกซีกโลกหนึ่ง เช่น ในแอฟริกาบางพื้นที่ กลับไม่มีไฟฟ้าใช้ หรือในกรณีของการศึกษา เด็กสวีเดน สามารถเรียนหนังสือออนไลน์ได้อย่างเต็มที่ เด็กในชาติ หรือ ไนจีเรีย กลับไม่สามารถเรียนหนังสือทางไกลได้เลย" ผู้อำนวยการ ECW กล่าว

เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง