10 อันดับตึกระฟ้าที่สูดที่สุดในโลก
มนุษย์เราเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล และพัฒนาก้าวหน้าขึ้นตามเทคโนโลยี หนึ่งในสิ่งที่เป็นหลักฐานของความก้าวหน้าก็คือตึกระฟ้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่มีวิสัยทัศน์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังการก่อสร้าง แต่ตอนนี้ความก้าวหน้าของมนุษย์ไปถึงขั้นไหน และสิ่งก่อสร้างใดที่สูงที่สุดในโลก วันนี้ TNN Tech พามาชม 10 อันดับตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกกัน
อันดับ 10 ไชนา ซุน ทาวเวอร์ (China Zun Tower) จีน ความสูง 527.7 เมตร
ความสูง : 527.7 เมตร
จำนวนชั้น : 109 ชั้น
สถานที่ตั้ง : ปักกิ่ง ประเทศจีน
ปีที่สร้างเสร็จ : 2019
ต้นทุนการก่อสร้าง : 3.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.32 แสนล้านบาท
นี่เป็นตึกที่สูงที่สุดในกรุงปักกิ่ง และสูงเป็นอันดับ 10 ของตึกระฟ้าทั่วโลก ชื่อ “ซุน (Zun)” มาจากภาชนะใส่ไวน์ของจีนโบราณ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบลักษณะของตัวตึกด้วย โดยตึกจะมีฐานกว้าง 78 เมตร ก่อนจะค่อย ๆ ลดขนาดลงมาตรงช่วงกลางที่มีความกว้าง 54 เมตร จากนั้นส่วนบนจะเพิ่มความกว้างขึ้นเป็น 69 เมตร ซึ่งฐานขนาดใหญ่ ก็จะเป็นตัวช่วยให้ตึกมีความสมดุล
ทั้งนี้รัฐบาลจีนได้กำหนดนโยบายใหม่ ให้ตึกในกรุงปักกิ่งซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจมีความสูงไม่เกิน 108 เมตร เพื่อลดความแออัด ดังนั้น ไชนา ซุน ทาวเวอร์ จึงจะยังเป็นตึกที่สูงที่สุดในกรุงปักกิ่งไปอีกนาน
อันดับ 9 เทียนจิน ซีทีเอฟ ไฟแนนซ์ เซ็นเตอร์ (Tianjin CTF Finance Centre) จีน ความสูง 530 เมตร
ความสูง : 530 เมตร
จำนวนชั้น : 97 ชั้น
สถานที่ตั้ง : เทียนจิน ประเทศจีน
ปีที่สร้างเสร็จ : 2019
ต้นทุนการก่อสร้าง : 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.19 หมื่นล้านบาท
ส่วนยอดของตึกมีรูปร่างเหมือนหัวจรวด และมีส่วนโค้งที่มีลักษณะเหมือนปีกจักจั่น มีการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อลดกระแสลมวน รบกวนแรงลมที่เข้าปะทะและทำให้แรงที่สะท้อนกลับลดลง
ส่วนโค้งรอบข้างตัวอาคารมีส่วนสำคัญต่อการตอบสนองต่อแผ่นดินไหว เพิ่มความแข็งแกร่งให้กรอบด้านนอกของอาคารและเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อันดับ 8 กว่างโจว ซีทีเอฟ ไฟแนนซ์ เซ็นเตอร์ (Guangzhou CTF Finance Centre) จีน ความสูง 530 เมตร
ความสูง : 530 เมตร
จำนวนชั้น : 111 ชั้น
สถานที่ตั้ง : กว่างโจว ประเทศจีน
ปีที่สร้างเสร็จ : 2016
ต้นทุนการก่อสร้าง : 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.24 หมื่นล้านบาท
มีความสูงเท่ากับตึกเทียนจิน ซีทีเอฟ ไฟแนนซ์ เซ็นเตอร์ แต่มีจำนวนชั้นเยอะกว่า ตึกนี้มีการใช้งานที่หลากหลาย และแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ด้านล่างสุดจะเป็นที่อยู่อาศัย ส่วนต่อมาจะเป็นโรงแรม ต่อมาเป็นออฟฟิศ และจะเป็นส่วนบนสุดของตึก ในอาคารนี้มีตึกทั้งหมด 95 ตัว และ 2 ตัวในนี้ติดอันดับลิฟต์ที่เร็วที่เร็วในโลก ซึ่งสามารถทำความเร็วได้ 21 เมตรต่อวินาที
อาคารนี้ยังมีการออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น การใช้เครื่องทำความเย็นประสิทธิภาพสูง การนำความร้อนจากคอนเดนเซอร์ระบายความร้อนกลับมาใช้ใหม่ การมีระบบเชื่อมต่อหลายทาง ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มีส่วนช่วยให้อาคารมีความยั่งยืนโดยรวม
อันดับ 7 วัน เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ (One World Trade Center) สหรัฐฯ ความสูง 541.3 เมตร
ความสูง : 541.3 เมตร
จำนวนชั้น : 104 ชั้น
สถานที่ตั้ง : นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ
ปีที่สร้างเสร็จ : 2014
ต้นทุนการก่อสร้าง : 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.36 แสนล้านบาท
ตึกนี้มีชื่อเดียวกับตึกด้านทิศเหนือของเวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์ (World Trade Center) ที่ถูกทำลายในเหตุการณ์ 9/11 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน โดยมันสร้างขึ้นจากโครงสร้าง 40,000 ตัน คอนกรีต 49,000 ลูกบาศก์หลา ซึ่งคอนกรีตจำนวนนี้สามารถปูทางเท้าในนิวยอร์กได้ระยะทางกว่า 320 กิโลเมตรเลยีเดียว
อาคารนี้เป็นหนึ่งในอาคารที่ปลอดภัยที่สุดในโลก คอนกรีตมีความแข็งแรงสูง ต้านทานแรงกดได้มากกว่าคอนกรีตทั่วไป 7 เท่า มีลิฟต์ทั้งหมด 71 ตัว ที่สามารถพาขึ้นจากชั้น 1 ไปยังชั้น 102 ได้ภายใน 1 นาทีเท่านั้นเอง
อันดับ 6 ลอตเต้ เวิลด์ ทาวเวอร์ (Lotte World Tower) เกาหลี ความสูง 554.5 เมตร
ความสูง : 554.5 เมตร
จำนวนชั้น : 123 ชั้น
สถานที่ตั้ง : โซล ประเทศเกาหลีใต้
ปีที่สร้างเสร็จ : 2016
ต้นทุนการก่อสร้าง : 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.15 แสนล้านบาท
การออกแบบอาคารได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องลายคราม เซรามิก และการประดิษฐ์ตัวอักษรของเกาหลี วัสดุภายนอกเป็นกระจกสีเงินโทนสีอ่อน และหลังคาได้รับการออกแบบให้รับน้ำหนักได้โดยไม่ต้องเสริมเสา ประกอบด้วยชิ้นส่วนเหล็กหนักเกือบ 3,000 ตัน ในระหว่างการก่อสร้างใช้ระบบการจัดตำแหน่งด้วย GPS ที่มีความแม่นยำสูง ตึกนี้แข็งแกร่งพอที่จะทนต่อลมแรงได้ถึง 80 เมตรต่อวินาทีและแผ่นดินไหวได้ถึง 9 แมกนิจูด
อันดับ 5 ผิงอัน อินเตอร์เนชันแนล ซีทีเอฟ ไฟแนนซ์ เซ็นเตอร์ (Ping An International CTF Finance Centre) จีน ความสูง 599.1 เมตร
ความสูง : 599.1 เมตร
จำนวนชั้น : 115 ชั้น
สถานที่ตั้ง : กวางตุ้ง ประเทศจีน
ปีที่สร้างเสร็จ : 2017
ต้นทุนการก่อสร้าง : 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.24 หมื่นล้านบาท
ตึกนี้ถือเป็นตัวแทนของตึกระฟ้ารุ่นใหม่ ที่มีความหนาแน่นมาก สูงมาก และเชื่อมต่อกับบริเวณโดยรอบได้อย่างราบรื่น โดยมันมีเส้นทางเชื่อมต่อกับอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัย และศูนย์การเงินต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง รวมถึงทางเดินรถไฟฟ้าความเร็วสูงด้วย ตัวตึกมีลิฟต์ 2 ชั้นจำนวน 33 ตัว ความเร็ว 10 เมตรต่อวินาที
ตัวอาคารออกแบบมาให้มีความผอมเพรียวซึ่งช่วยลดแรงลมพื้นฐานลงได้ 35% โครงสร้างโดยรวมของตัวอาคารสร้างด้วยสแตนเลสกว่า 1,700 ตัน ซึ่งเป็นสแตนเลสทนการกัดก่อน ลดการเสื่อมโทรมของอาคารซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลที่มีการกัดก่อนจากเกลือ
อันดับ 4 หอนาฬิกา อับราจ อัล-เบต (Abraj Al-Bait Clock Tower) ซาอุดิอาระเบีย ความสูง 601 เมตร
ความสูง : 601 เมตร
จำนวนชั้น : 120 ชั้น
สถานที่ตั้ง : เมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย
ปีที่สร้างเสร็จ : 2011
ต้นทุนการก่อสร้าง : 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.24 แสนล้านบาท
ตึกนี้มีนาฬิกาที่หน้าปัดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นอาคารที่รัฐบาลเป็นเจ้าของที่สูงที่สุดในโลก และยังเป็นอาคารที่มีต้นทุนการก่อสร้างแพงที่สุดในโลกด้วย บนยอดหอคอยมีนาฬิกา 4 หน้า (อยู่สูงเหนือพื้นดิน 400 เมตร) มองเห็นได้จากระยะไกล 25 กิโลเมตร แต่ละหน้ามีเส้นผ่านศูนย์กลาง 43 เมตร และทั้ง 4 หน้ามีไฟ LED จำนวน 2,000,000 ดวง
ยอดแหลมที่ด้านบนของนาฬิกาสูง 128 เมตร มีพระจันทร์เสี้ยวสีทองสูง 23 เมตรที่ด้านบน ที่ความสูง 480 เมตรมีชั้นละหมาด และมีจุดชมวิวที่ความสูง 475 เมตร
อันดับ 3 เซี่ยงไฮ้ ทาวเวอร์ (Shanghai Tower) จีน ความสูง 632 เมตร
ความสูง : 632 เมตร
จำนวนชั้น : 128 ชั้น
สถานที่ตั้ง : เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
ปีที่สร้างเสร็จ : 2014
ต้นทุนการก่อสร้าง : 2.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 8.17 หมื่นล้านบาท
เซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ มีลักษณะเป็นเหมือนทรงกระบอกทั้งหมด 9 กระบอก เรียงซ้อนทับกัน และมีลักษณะเหมือนบิดวน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดแรงลมที่กระทำต่ออาคาร ในขณะที่ใช้วัสดุน้อยลง เหล็กที่ใช้ในตึกนี้เมื่อเทียบกับเหล็กที่จำเป็นในการสร้างอาคารอื่น ๆ ที่มีความสูงใกล้เคียงกัน ใช้เหล็กน้อยกว่า 25% ซึ่งนั่นประหยัดค่าวัสดุได้ประมาณ 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,920 ล้านบาท
หอคอยนี้มีลิฟต์ที่ทำความเร็วได้ 73.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือเป็นลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลกที่ติดตั้งในอาคาร และลิฟต์นี้เดินทางได้สูง 578.5 เมตร ถือเป็นสถิติใหม่สำหรับลิฟต์เดี่ยวที่เดินทางได้ไกลที่สุดในโลก
อันดับ 2 เมอร์เดก้า 118 (Merdeka 118) มาเลเซีย ความสูง 678.9 เมตร
ความสูง : 678.9 เมตร
จำนวนชั้น : 118 ชั้น
สถานที่ตั้ง : กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ปีที่สร้างเสร็จ : 2023
ต้นทุนการก่อสร้าง : 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.82 หมื่นล้านบาท
ตึกนี้มีอีกชื่อที่เป็นที่รู้จักคือพีเอ็นบี 118 (PNB 118) ซึ่งมาจากชื่อเดิมคือ เปอร์โมดาลัน เนชั่นนัล เบอร์ฮาด (Permodalan Nasional Berhad) ตึกนี้ประกอบด้วยแผงกระจกประมาณ 18,000 แผ่น มี "Edge Walk" สำหรับผู้ต้องการความตื่นเต้น ซึ่งสามารถสวมสายรัดนิรภัยและเดินบนพื้นกระจกได้
อันดับ 1 เบิร์จคาลิฟา (Burj Khalifa) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ความสูง 828 เมตร
ความสูง : 828 เมตร
จำนวนชั้น : 163 ชั้น
สถานที่ตั้ง : ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ปีที่สร้างเสร็จ : 2009
ต้นทุนการก่อสร้าง : 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.24 หมื่นล้านบาท
เบิร์จคาลิฟา เป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก และยังครองตำแหน่งที่สุดในโลกอีกหลายตำแหน่ง ได้แก่ มีจำนวนชั้นเยอะที่สุดในโลก มีชั้นที่คนสามารถอยู่ได้สูงที่สุดในโลก ดาดฟ้าชมวิวกลางแจ้งที่สูงที่สุดในโลก
ด้านการก่อสร้าง มีเหล็กเส้นในโครงสร้างมากกว่า 55,000 ตัน คอนกรีต 110,000 ตัน ในอาคารมีท่อความยาว 100 กิโลเมตร จ่ายน้ำโดยเฉลี่ย 964,000 ลิตรต่อวัน ส่วนระบบปรับอากาศออกแบบมาให้สามารถดึงอากาศสะอาดและอากาศเย็นจากด้านบนได้ ในช่วงวันที่อากาศร้อนจัด สามารถส่งความเย็นได้ 46 เมกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำแข็งละลาย 12 ล้านกิโลกรัมในวันเดียว
และเมื่อต้องทำความสะอาดตึกนี้ ต้องใช้คนงาน 36 คน ในเวลา 4 เดือน จึงจะสามารถทำความสะอาดภายนอกของอาคารทั้งหมดได้
นี่คือหลักฐานความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของโลกเรา ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตมันจะก้าวหน้าขึ้นอีกมาก บางทีเราอาจจะได้เห็นตึกที่มีความสูงถึง 1 กิโลเมตรเร็ว ๆ นี้ก็ได้
ที่มาข้อมูล Rankred, Wikipedia, Architecturaldigest
ที่มารูปภาพ Gettyimage, NewAtlas, Wikipedia, USGBC, KPF