รีเซต

พรรคร่วมสามสาย หนุน-นิ่ง-ยื้อ กับอนาคตรัฐบาลแพทองธาร

พรรคร่วมสามสาย หนุน-นิ่ง-ยื้อ กับอนาคตรัฐบาลแพทองธาร
TNN ช่อง16
19 มิถุนายน 2568 ( 20:59 )
20

เมื่อคลิปเสียงบทสนทนาระหว่างน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ สิ่งที่ตามมาไม่ใช่เพียงเสียงวิจารณ์จากภาคประชาชน แต่รวมถึงแรงสั่นสะเทือนภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องประเมินความเสี่ยงระหว่างการ “อยู่ต่อ” หรือ “ถอนตัว” กลายเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่ทุกสายตาจับจ้องว่ารัฐบาลเพื่อไทยจะยังรักษาเสถียรภาพไว้ได้หรือไม่

ในภาวะความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มแสดงท่าทีแตกต่างกันอย่างชัดเจน บางพรรคเลือกเดินหน้าเคียงข้างรัฐบาล บางพรรคยังขอเวลาเพื่อประเมินสถานการณ์ ขณะที่บางพรรคยังไม่ออกมาพูดอะไร ซึ่งล้วนมีผลโดยตรงต่อความมั่นคงของเสียงในสภาและอนาคตของผู้นำประเทศ


กลุ่มที่ยังหนุน มั่นคงต่อเส้นทางเดิม

พรรคประชาชาติและพรรคกล้าธรรม คือสองพรรคที่ออกมายืนยันจุดยืนอย่างชัดเจนว่ายังให้การสนับสนุนนายกรัฐมนตรีแพทองธารในการทำหน้าที่ต่อไป แม้จะมีแรงกดดันรอบด้าน แต่ทั้งสองพรรคเลือกยืนอยู่บนหลักการว่ารัฐบาลต้องเดินหน้ารักษาเสถียรภาพเพื่อความมั่นคงของประเทศ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ย้ำว่า รัฐบาลยังมีเป้าหมายชัดเจนในการปกป้องอธิปไตยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยเชื่อว่าการเปลี่ยนผู้นำไม่ใช่คำตอบ หากยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือผิดจริยธรรมชัดเจน

ในขณะที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม แม้จะไม่ออกแถลงการณ์ทางการเมืองอย่างเป็นทางการ แต่ให้สัมภาษณ์ชัดว่าพรรคยังยืนอยู่ข้างนายกรัฐมนตรี สนับสนุนทั้งรัฐบาลและกองทัพ พร้อมเน้นย้ำว่านี่ไม่ใช่เวลาทำลายกัน แต่เป็นเวลาที่ต้องรวมพลังปกป้องประเทศ

กลุ่มที่ยังยื้อ รอฟัง รอชั่งน้ำหนัก

พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ประกาศถอนตัว แต่ก็ยังไม่รับประกันว่าจะอยู่ต่อในระยะยาว ท่าทีของทั้งสองพรรคบ่งบอกว่ากำลังประเมินความคุ้มค่าของการอยู่ในสมการอำนาจ ขณะเดียวกันก็รอการชี้แจงที่ชัดเจนจากนายกรัฐมนตรี

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เรียกประชุมพรรคทันทีหลังคลิปเสียงถูกเผยแพร่ โดยระบุว่าข้อมูลที่มีอยู่ยังไม่ครบถ้วน การตัดสินใจถอนตัวหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพรรคต้องการยื้อเวลาเพื่อประเมินทั้งผลทางการเมืองและผลต่ออธิปไตยชาติ

ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ แม้จะใช้เวลาประชุมพรรคกว่า 2 ชั่วโมง แต่สุดท้ายก็ยังไม่แถลงจุดยืนชัดเจน บอกเพียงว่า “ขอนำมติไปหารือกับนายกรัฐมนตรีก่อน” โดยไม่มีรายละเอียดว่าสาระในที่ประชุมคืออะไร

ข้อมูลจากแหล่งข่าวภายในพรรคเปิดเผยว่ารวมไทยสร้างชาติอาจยอมรับได้หากมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่ยังคงอยู่ในกรอบของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ อาทิ นายชัยเกษม นิติสิริ

กลุ่มที่ยังนิ่ง ไม่พูดอาจหมายถึงรอจังหวะ

พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ประกาศท่าทีใด ๆ อย่างเป็นทางการในช่วงเวลาที่รัฐบาลกำลังเผชิญแรงกดดันสูงสุด นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค กล่าวเพียงว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามมติของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งในเวลานี้ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องการถอนตัวหรือเข้าร่วมอย่างเต็มรูปแบบ

ความนิ่งของประชาธิปัตย์อาจถูกมองว่าเป็นการเลี่ยงแรงกระแทกจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านในช่วงเวลาที่การแสดงจุดยืนชัดเจนอาจทำให้สูญเสียพันธมิตรทางการเมือง หรือเผชิญกับแรงต้านจากฐานเสียงในบางจังหวัด

ใครคือกุญแจไขสมดุลรัฐบาลใหม่?

แม้พรรคเพื่อไทยจะยังเป็นแกนหลักของรัฐบาล แต่เมื่อพรรคภูมิใจไทยถอนตัวพร้อมรัฐมนตรี 8 คน สมการเสียงในสภาก็เริ่มเปราะบางลงอย่างเห็นได้ชัด ท่าทีของพรรคชาติไทยพัฒนาและรวมไทยสร้างชาติจะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการชี้ว่า รัฐบาลแพทองธารจะสามารถยืนอยู่ได้ต่อไปหรือไม่

หากทั้งสองพรรคเลือกถอนตัวตามภูมิใจไทย รัฐบาลอาจต้องเผชิญกับการโหวตงบประมาณที่เสียงไม่เพียงพอ หรืออาจเปิดทางให้ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ทันที แต่หากทั้งสองพรรคยังอยู่ ความเปราะบางก็อาจถูกถ่วงดุลด้วยเสียงสนับสนุนชั่วคราวจากพรรคขนาดเล็ก หรือการตั้งกลุ่มขั้วใหม่ภายในสภา

บทสรุปของการอยู่หรือไม่อยู่ อาจไม่ใช่แค่เรื่องอุดมการณ์

ท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลในเวลานี้สะท้อนว่า การตัดสินใจอยู่ต่อหรือไม่ อาจไม่ได้เกิดจากเพียงความเชื่อมั่นในตัวผู้นำ แต่ผูกโยงกับเงื่อนไขเชิงยุทธศาสตร์ อำนาจต่อรอง และผลประโยชน์ทางการเมืองในระยะยาว

ไม่ว่าจะเลือกอยู่ ยื้อ หรือถอย ทุกพรรคต่างรู้ดีว่าแต่ละก้าวที่เดินจะเปลี่ยนทิศทางของรัฐบาล และอาจเป็นตัวเร่งให้การเมืองไทยเข้าสู่โหมดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในเวลาอันใกล้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง