Samsung ปรับลดการผลิตชิปหวังกระตุ้นตลาด หลังมีรายงานผลกำไรตกต่ำสุดในรอบ 14 ปี
ซัมซุง (Samsung) บริษัทอิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลีใต้ ได้ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทกำลังลดการผลิตชิปหน่วยความจำ “อย่างมีนัยยะสำคัญ” หลังจากที่ประมาณการผลกำไรไว้ตํ่าที่สุด นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วโลกในปี 2009
โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) รายงานว่า มีการประมาณการกำไรจากผลประกอบการของซัมซุงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ลดลงมากกว่า 95% เหลือเพียง 6 แสนล้านวอน หรือราว 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่มีประมาณการยอดขายรวมลดลง 19% เหลือ 63 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท
ซัมซุงยังระบุว่า ความต้องการหน่วยความจำลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และผู้ซื้อชะลอการซื้อจากภาวะเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามซัมซุงไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าจะปรับลดการผลิตชิปลงในปริมาณเท่าไร
ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กส์ (Bloombergs) ระบุว่า การลดกำลังการผลิตชิปจะช่วยลดอุปทานส่วนเกินลง จากก่อนหน้านี้ที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ได้กักตุนชิปเอาไว้ในช่วงที่เกิดโรคระบาด จากที่ผู้บริโภคสั่งซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ขณะที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน
ช่วงที่ผ่านมา ซัมซุง พยายามคงการผลิตชิปไว้ในระดับเดิม แม้ว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องการแย่งส่วนแบ่งตลาดคืนจากคู่แข่งรายย่อย แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ซัมซุงจะปรับปริมาณการผลิตชิปลงเหลือเพียงในระดับที่จำเป็นเท่านั้น ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า แผนกชิปของซัมซุงจะเผชิญกับการขาดทุนรายไตรมาสราว 2 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 5.1 หมื่นล้านบาท จากการปรับกำลังการผลิตครั้งนี้
ขณะที่นักลงทุนมองว่า การขยับตัวของซัมซุงครั้งนี้จะเป็นสัญญาณการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากการปรับลดการผลิตชิป จะช่วยลดกำลังขายส่วนเกินของอุตสาหกรรมชิปทั่วโลกไปด้วย ทำให้ราคาชิปทั่วโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามกลไกตลาด และช่วยกระตุ้นให้อุตสาหกรรมชิปโลกฟื้นตัวต่อไป
ที่มาของข้อมูล Reuters
ที่มาของรูปภาพ Kof3