'สุพันธุ์' จี้เปิดประเทศเพิ่มรายได้คนไทย เพิ่มช้อปดีมีคืน 1 แสนบาท

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยเวลานี้ สิ่งที่น่ากังวลคือภาวะเงินเฟ้อที่เริ่มกระจายเป็นวงกว้าง จากราคาสินค้าที่ขึ้นแบบถ้วนหน้า เนื่องจากต้นทุนขึ้นราคาทั้งวัตถุดิบทางการเกษตรซึ่งเป็นสินค้าในประเทศ และราคาพลังงานที่ไทยไม่มีทางเลือกเพราะนำเข้า โดยเฉพาะราคาน้ำมันปัจจุบันปรับขึ้นราคา 30-40% แล้ว ประกอบกับได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จนส่งผลต่อการผลิตสินค้าประเภทต่างๆให้ลดลง ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการคือ การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยส.อ.ท.มองว่ามาตรการสำคัญที่ควรทำคือ การเปิดประเทศรับต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว ใช้ระบบเทสต์ แอนด์ โก เหมือนเดิม เพราะปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน ไม่ได้รุนแรงมาก หากคนไทยได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครอบคลุม และมาตรการเปิดประเทศของไทยอยู่ภายใต้มาตรฐานสาธารณสุข และหากพบว่าต่างชาติ หรือคนไทย ติดโควิดไม่รุนแรง ควรส่งเข้าโฮมไอโซเลชั่น ไม่ใช่ส่งเข้าโรงพยาบาลอย่างเดียว เพราะค่าใช้จ่ายสูง

“ผมเป็นคนหนึ่งที่เพิ่งติดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และรักษาตัวเป็นเวลา 7 วัน ก่อนจะหายดีแล้วในตอนนี้ ซึ่งอาการของโรคน้อยมาก เหมือนไข้หวัดธรรมดา ซึ่งตัวผมอายุกว่า 60 ปีแต่ไม่เป็นอะไร เพราะฉีดวัคซีนครบ ดังนั้นจึงมองว่าหากคนไทยได้รับวัคซีนครบและป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด ก็ไม่ต้องกลัวโอมิครอน สามารถเปิดประเทศรับต่างชาติได้ ขณะที่ร้านอาหารก็ควรกลับมาเปิดบริการปกติ แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันโควิดแบบครอบจักรวาลเช่นกัน”นายสุพันธุ์กล่าว

ปี 2565 ส.อ.ท.ยังมองเศรษฐกิจไทยจะเติบโตระดับ 3.0-4.5% โดยมองว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตช่วงไตรมาสแรกของปี และขยายตัวในช่วงเวลาที่เหลือ แต่อย่าลืมว่าตัวเลขเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ที่เติบโต มาจากการส่งออกเป็นหลัก รายได้เข้ากระเป๋าเจ้าตัว คนรวย แต่กลุ่มรากหญ้าส่วนใหญ่จะได้อานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับภาคบริการ การค้า และเกษตร ดังนั้นรัฐบาลควรตัดสินใจเปิดประเทศด้วยรูปแบบเทสต์ แอนด์ โก เหมือนเดิม เพราะจะช่วยให้คนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น ต่อสู้กับภาวะของแพงในปัจจุบันได้

อีกมาตรการที่อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ คือการกระตุ้นให้คนไทยใช้จ่าย โดยเฉพาะกลุ่มคนรวยให้นำเงินออกมาใช้ภายใต้โครงการช้อปดีมีคืน ปัจจุบันกำหนดวงเงินใช้จ่าย 30,000 บาท อยากให้เพิ่มเป็น 50,000-100,000 บาทเลย เพราะคนมีเงินพร้อมใช้จ่ายอยู่แล้วเพื่อนำยอดดังกล่าวไปลดภาษี เป็นความคุ้มค่าทางหนึ่ง