เอกซเรย์หุ้น CK โบรกฯ อัพเป้า-ชู Backlog ฟื้นเด่นสุด

#CK #ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย จำกัด ส่องหุ้น บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK คาดกำไรปกติไตรมาส 2/65 ที่ 346 ลบ. เทียบกับกำไรไตรมาส 2/64 ที่ 175 ลบ. และขาดทุนไตรมาส 1/65 ที่ 118.6 ลบ. จากเงินปันผลจาก TTW และส่วนแบ่งกำไร แนวโน้ม backlog ที่สดใสจากโครงการเขื่อนหลวงพระบางและโครงการขนาดใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น หากไม่รวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม คาด TP อยู่ที่ 27.28 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายสูงขึ้น 4.5% เป็น 29.59 บาท จากการปรับราคาเป้าหมาย BEM ที่สูงขึ้น และปรับปีฐานราคาเป้าหมายไปเป็นกลางปี 2566
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้พูดคุยกับทีมนักลงทุนสัมพันธ์ CK เมื่อ 12 ก.ค. มีประเด็นสำคัญ คือ 1) ไม่มีการรับรู้รายได้จากโครงการหลวงพระบางในไตรมาสนี้ 2) คาดมีการลงนามโครงการหลวงพระบางในครึ่งปีหลัง และ 3) บริษัทฯ เซ็นสัญญาโครงการคลองระบายน้ำหลาก บางบาล-บางไทรสัญญา 4 มูลค่า 3.2 พันลบ. ในไตรมาส 2/2565
► พรีวิวผลประกอบการไตรมาส 2/2565 CK มีกำหนดจะประกาศงบการเงินไตรมาส 2/2565 ในช่วงกลางเดือน ส.ค. คาดว่าบริษัทฯ จะรายงานกำไรปกติที่ 346.2 ลบ. เทียบ กับกำไรปกติที่ 175.2 ลบ.ในไตรมาส 2/2564 และผลขาดทุนปกติที่ 118.6 ลบ. ในไตรมาส 1/2565 การเติบโตของกำไรคาดจะมีสาเหตุจากการเริ่มงานในมือที่เพิ่งลงนาม รายได้เงินปันผลจาก TTW และส่วนแบ่งกำไรจาก CKP และ BEM ที่คาดอยู่ที่ 444.9 ลบ. เพิ่มขึ้น 45.3%YoY และ 430.6% QoQ จากการฟื้นของตัวจำนวนรถยนต์ที่ใช้ทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้าของ BEM ในไตรมาส 2/2565 และช่วงไฮซีซั่นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำของ CKP
► สถิติการดำเนินงาน คาดว่ายอด backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 6.4 หมื่นลบ. (+125% YoY และ +6.7% QoQ) ก่อนหักรายได้ที่มีการรับรู้ในไตรมาส 2/2565 จากโครงการคลองระบายน้ำบางบาล-บางไทร สัญญา 4 ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้ไตรมาส 2/2565 จะอยู่ที่ 3.57 พันลบ. เพิ่มขึ้น 9.8% YoY จาก backlog ที่เพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง 49.7% QoQ จากการรับรู้รายได้ครั้งเดียวมูลค่า 3 พันลบ. จากงานล่วงหน้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางของ CKP ในไตรมาส 1/2565
► แนวโน้ม มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการสร้าง backlog ของ CK อิงจากโครงการต่าง ๆ ที่รอการลงนาม เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง (มูลค่า 8.4 หมื่นลบ.) และโครงการขนาดใหญ่ที่กำลังจะเปิดประมูล เช่น โครงการรถไฟรางคู่ เฟสที่ 2 ขอนแก่น-หนองคาย (มูลค่า 2.97 หมื่นลบ.) โครงการชุมทางจิระ-อุบลราชธานี (มูลค่า 3.7 หมื่นลบ.) และโครงการปากน้ำโพ-เด่นชัย (มูลค่า 6.3 หมื่นลบ.) ที่คาดว่าจะเปิดประมูลในปลายปีนี้ การประมูลรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มตะวันตก (มูลค่าก่อสร้าง 9.6 หมื่นลบ.) ยังคงมีความไม่แน่นอนจากคำตัดสินของศาลล่าสุดเกี่ยวกับการยกเลิกการประมูลครั้งก่อนซึ่งมิชอบด้วยกฎหมาย หากนำโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มออก ราคาเป้าหมาย CK กลางปี 2566 ของฝ่ายวิจัยคาดจะอยู่ที่ 27.28 บาท หรือมี downside 7.8% ต่อราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัย
► ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ในเชิง YTD ราคาหุ้นลดลง 13.5% เทียบกับราคาหุ้น STEC ที่ลดลง 16% ของ ITD ที่ลดลง 12.1% และของ SET ที่ลดลง 7.4% ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ PER ปี 2566 ที่ 22 เท่า หรือ 0.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 5 ปี
► คงคำแนะนำ “ซื้อ” CK และเพิ่มราคาเป้าหมายตามวิธีรวมส่วนของกิจการ (SOTP) ขึ้น 4.5% หรือจาก 28.32 บาท เป็น 29.59 บาท 2) เนื่องจากเราปรับปีฐานราคาเป้าหมายจากสิ้นปี 2565 เป็นกลางปี 2566 และเพื่อสะท้อนการปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย BEM ของฝ่ายวิจัย ปัจจัยหนุนตัวคูณมูลค่าหุ้น ได้แก่ 1) CK ชนะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกหากการประมูลโครงการไม่ล่าช้าออกไป 2) ได้รับโครงการทางด่วนสองชั้นใหม่จาก BEM และ 3) CK ส่งต่อการจ่ายเงินปันผลที่สูงขึ้นจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกันให้แก่ผู้ถือหุ้นเพื่อลดช่องว่างการถือครอง
► ปัจจัยเสี่ยงสําคัญ ได้แก่ 1) ความล่าช้าของโครงการโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ 2) การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากผู้รับเหมาทั้งในและต่างประเทศ 3) การขาดแคลนแรงงาน/การขึ้นค่าแรง 4) การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ และ 5) ความไม่สงบทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นในประเทศไทย