สรุปดรามา “แบนแม่หยัว” วอชด็อกรอผลสอบปศุสัตว์ - คนดังประสานเสียงชี้เเจงให้เคลียร์
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซีรีส์ไทย "แม่หยัว" ได้เผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะในฉากหนึ่งของตอนที่ 5 ซึ่งมีการนำเสนอฉากที่แมวดื่มน้ำที่ทำให้มันมีอาการคล้ายถูกวางยาสลบจนเกิดอาการกระตุกและเกร็ง สร้างความกังวลใจแก่ผู้ชม และเหล่าทาสแมว จนเกิดเป็นแฮชแท็ก #แบนแม่หยัว ที่ถูกใช้ในการแสดงความคิดเห็นและแสดงความไม่พอใจจากการปฎิบัติที่ไม่เหมาะสมกับสัตว์
หลังจากเป็นกระแสร้อน ผู้กำกับของซีรีส์และทีมงานได้ออกมาชี้แจงว่า ทุกขั้นตอนของการถ่ายทำนั้นมีผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสัตว์เข้ามาดูแลแมวที่ใช้ในการถ่ายทำ โดยแมวที่นำมาแสดงนั้นมาจากบริษัทโมเดลลิ่งสัตว์ที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการดูแลจากเจ้าของตลอดกระบวนการถ่ายทำ พร้อมทั้งโชว์คลิปแมวสีดำที่ยังมีชีวิตปกติดีทุกประการ
อย่างไรก็ตาม แม้คำชี้แจงนี้จะออกมา แต่กระแสตอบรับในเชิงลบยังคงมีอยู่ เพราะผู้ชมบางส่วนรู้สึกว่ายังเป็นการใช้สัตว์ในลักษณะที่ไม่เหมาะสมและอาจเป็นอันตราย
ทำให้ทางช่องต้นสังกัดต้องออกแถลงการณ์ขอโทษผู้ชมและยืนยันว่าจะคำนึงถึงสวัสดิภาพของสัตว์ในทุกขั้นตอนของการผลิตและถ่ายทำอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ดราม่าเรื่องนี้ยังคงเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง และหลายฝ่ายเรียกร้องให้ผู้ผลิตสื่อในไทยตระหนักถึงการใช้สัตว์ในการแสดง เพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์ได้รับการดูแลที่เหมาะสมและปลอดภัยในทุกขั้นตอน
ล่าสุดนั้น “มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์” ได้ออกมาระบุว่ากำลังรอผลการตรวจสอบจากกรมปศุสัตว์ในวันนี้ โดยขอเทปรายการการถ่ายทำละครแม่หยัวและนำแมวมาตรวจสุขภาพ และอัตลักษณ์ เพราะความผิดเกิดขึ้นสำเร็จแล้วตามประเด็นสำคัญที่จะต้องขอให้มีการดำเนินการสอบสวน ดังนี้
1. การวางยาสลบในสัตว์ต้องกระทำโดยสัตวแพทย์เท่านั้น ตามกฏหมาย พรบ.วิชาชีพการสัตวแพทย์ และต้องเป็นไปเพื่อการรักษาชีวิตของสัตว์ ไม่ใช่นำสัตว์มาเสี่ยงกับอันตรายที่จะเกิดจากการวางยาสลบ
หาก "ผู้เชี่ยวชาญ" ที่ผู้กำกับละครชี้แจงมา มิใช่สัตวแพทย์ ผู้รับผิดชอบกองถ่ายละครและเจ้าของสัตว์ จะต้องมีความผิดตามกฏหมาย พรบ.วิชาชีพการสัตวแพทย์
2. หาก "ผู้เชี่ยวชาญ" ที่ผู้กำกับละครชี้แจงมา เป็นสัตวแพทย์ ก็ต้องมาดูในเรื่องจรรยาบรรณ และ พรบ.ป้องกันการทารุณกรรมฯ เพราะการวางยาสลบในสัตว์ โดยเจตนาให้สัตว์ได้รับอาหาร จนแสดงอาการขย้อนและกระตุกจนสลบแน่นิ่ง เป็นเจตนาทำให้สัตว์อยู่ในความเสี่ยงและเป็นอันตรายถึงชีวิตจากการใช้ยาสลบ เนื่องจากหลักการทางวิชาการในการทำให้สัตว์สลบ จะต้องมีการงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 12 ชั่วโมงก่อนการใช้ยา เพื่อป้องกันมิให้สัตว์ขย้อนจนสำลักอาหารเข้าสู่หลอดลมขณะอยู่ในภาวะสลบ การใช้ยาระงับประสาท ยากลุ่มนำยาสลบ หรือยาสลบ จะใช้เพื่อต้องการระงับประสาทและความเจ็บปวดเพื่อการรักษาผ่าตัดในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น หรือจะใช้ยาระงับประสาทเพื่อทำการเคลื่อนย้ายสัตว์
อันเป็นเหตุประกอบการรักษาหรือการจัดสวัสดิภาพสัตว์เท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้ถ้าไม่มีเหตุอันควร เพราะตัวยาที่ใช้ในการเหนี่ยวนำให้เกิดการสลบหรือกลุ่มยาสลบ มีผลต่อการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด อุณหภูมิของร่างกาย การหายใจ และระยะเวลาที่สัตว์สลบแล้วทำการ recover ตัวเองจากการฟื้นจากยาสลบนั้น สัตวแพทย์ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด มีการเตรียมเครื่องมือกู้ชีพ มีการให้น้ำเกลือ หรือใส่ท่อช่วยหายใจ เพื่อแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ทันท่วงที
ดังนั้น ในเมื่อมีการกระทำที่ตรงกันข้ามกับหลักการและจรรยาบรรณ เพื่อหวังประโยชน์จากการใช้งานสัตว์ ผู้รับผิดชอบกองถ่ายละคร เจ้าของสัตว์ และสัตวแพทย์ จึงมีความผิดทารุณกรรมสัตว์ ตามกฏหมายป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์พ.ศ. 2557
ขณะที่สัตวแพทยสภา ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับอันตราย และข้อควรระวังในการวางยาสลบสัตว์ พร้อมกับระบุผ่านหน้าเพจว่า “ตามที่มีหลายท่าน ได้ส่งภาพของแมวซึ่งปรากฏในสื่อโซเชียลมีเดียขณะนี้ และมีข้อกังวลจากการอ้างถึงว่าอาจมีการใช้ยาสลบ ในการถ่ายทำละคร ทางสัตวแพทยสภาได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว และจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป”
ทางด้านความเคลื่อนไหวของบุคคลในแวดวงบันเทิง กลุ่มคนที่มีชื่อเสียง อย่าง “ต๊ะ นารากร ติยายน” พิธีกร และผู้ประกาศชื่อดังได้ออกมากล่าวกรณีนี้ในฐานะคนรักสัตว์ว่า สิ่งที่คนต้องการในตอนนี้คือองช่องที่จะดำเนินการหาผู้กระทำความผิดต่อสัตว์มาชี้แจงความจริง ช่องควรตอบสังคมให้ได้ใน 6 ข้อ โดยมีประเด็นสำคัญคือ ใครเป็นคนสั่งการให้หาโมเดลลิ่งนำแมวมาแสดง ก่อนการวางยาสลบแมว ได้มีการเจาะเลือดตรวจสุขภาพแมวก่อนหรือไม่ และ ใครเป็นคนให้ยาสลบแมว ถ้าอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็เปิดเผยชื่อออกมาให้สัตวแพทยสภาไปตรวจสอบ ว่าเป็นสัตวแพทย์ที่ได้รับอนุญาตให้วางยาสลบในสัตว์หรือไม่ หลังจากถ่ายทำเสร็จแล้ว มีการตรวจติดตามอาการแมวหรือไม่ ถ้ามีก็นำเอกสารบันทึกการตรวจของสัตวแพทย์มาแสดง
ขณะที่ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล บอสเวทีนางงามมิสแกรนด์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า ละครทีวีไม่จำเป็นต้องเอาเปรียบและเบียดเบียนชีวิตของแมว ชีวิตใครใครก็รักแล้วแมวได้อะไรจากการมาเป็นส่วนหนึ่งในละคร นอกจากคนทำละครได้ความพึงพอใจแต่แมวต้องเจ็บปวดทรมานไม่สามารถขัดขืนได้ จากการเอาเปรียบของคน และเชิญชวนให้ทุกคนหยุดสนับสนุนการทารุณสัตว์ หยุดสนับสนุนการทารุณกรรมสัตว์ทุกรูปแบบด้วยกัน
ภาพจาก: ซีรีส์แม่หยัว