ทลายปาร์ตี้ยาคาบ้านหรู ผงะยาอีซุกโถส้วม รวบนักเที่ยว 20 ราย เสพเย้ยโควิด
ทลายปาร์ตี้ยาคาบ้านหรูที่โคราช นั่งมั่วสุมดื่มของมึนเมา ผงะพบยาอีซุกโถส้วม รวบนักเที่ยว 20 ราย เสพยาเย้ยโควิด ตรวจฉี่พบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีน
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.64 พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง ผกก.สภ.หมูสี รับแจ้งว่ามีมีผู้ต้องหาตามหมายจับ มามั่วสุมร่วมกับกลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนมากในบ้านเช่ารายวัน ซึ่งตั้งอยู่ภายในโครงการแห่งหนึ่งหมู่ที่ 14 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.ชูเกียรติ แก้วอาจ รอง.ผกก.ป. สภ.หมูสี พ.ต.ท.วีระพล ระเบียบโพธิ์ รอง.ผกก.สส.สภ.หมูสี พ.ต.ท.อิสริยะ ภูดีทิพย์ สวป.สภ.หมูสี พ.ต.ต.ชาย ศรีดามณี สวป.สภ.หมูสี พ.ต.ต.ญาณวุฒิ ชินทุมพงษ์ สว.สส.สภ.หมูสี
ร.ต.อ.สุริยนต์ แหลมเนียม ร.ต.อ.ปรีชา บุญสุระ ร.ต.อ.ธวัชชัย เผ่นโผน ร.ต.อ.ก้องไพร นาคหมื่นไวย์ ด.ต.นพนรา วรรณเสริฐ ด.ต.อุทิตย์ ฟรอมไธสง ด.ต.วรพงศ์ เกตุพิพัฒน์สกุล และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันปราบปรามและชุดสืบสวน กว่า 20 นาย เข้าไปตรวจสอบ
พบนักท่องเที่ยววัยรุ่นกว่า 20 คน มีทั้งหญิงและชาย กำลังนั่งมั่วสุมดื่มของมึนเมา และเสพยาเสพติดกันอย่างเพลิดเพลินส่งเสียงดัง เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมตัว นายเทียนชัย อายุ 26 ปี ชาวอ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี และนายรัชนาท อายุ 22 ปี ชาว อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา พร้อมกับพวกตามท้ายบันทึกจับกุมนี้ จำนวน 20 คน พร้อมด้วยของกลาง วัตถุออกฤทธ์ในประเภท 2 (คีตามีน) มีลักษณะเป็นเกล็ดใส บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบกดปิดดึงเปิด จำนวน 18 ถุง น้ำหนักรวมถุงบรรจุ จำนวนรวม 15.72 กรัม
ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาอี) (วัตถุเม็ดสี่เหลี่ยมสีเหลืองมีอักษรภาษาอังกฤษประทับอยู่) จำนวน 5 เม็ด หลอดพลาสติกสีขาว (อุปกรณ์การเสพ) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบกดปิดดึงเปิด จำนวน 1 หลอด ถุงพลาสติกใสแบบกดปิดดึงเปิดขนาดใหญ่ 1 ถุง ปัสสาวะบรรจุในขวดพลาสติกพร้อมชุดตรวจปรากฏผลบวก จำนวน 19 ชุดส่งไปตรวจ ที่ รพ.ปากช่องนานา
สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง ผกก.สภ.หมูสี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด กองบัญชาการท่องเที่ยวว่า ที่ได้ติดตามจับกุม นายศรีสวัสดิ์ นรสิงห์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาฯ และสืบสวนทราบว่า นายศรีสวัสดิ์ กับพวก มาพักอยู่ที่บ้านที่เกิดเหตุโดย นายศรีสวัสดิ์ กับพวกมารวมกลุ่มมั่วสุมเสพยาเสพติดอยู่บริเวณบ้านที่เกิดเหตุ จึงพร้อมกำลังเข้าตรวจสอบ พร้อมได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการตรวจสอบพบว่าบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านเช่ารายวันดังกล่าว โดยขณะเจ้าหน้าที่กำลังเข้าจับกุม มีนายนายคุปต์ ออกมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งว่าตนเองเป็นผู้เช่าบ้านดังกล่าว เพื่อมาสังสรรค์กับเพื่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขออนุญาตตรวจค้นบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งนายคุปต์ยินยอมให้ตรวจค้นด้วยความสมัครใจ ก่อนการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผลการตรวจค้นพบ ของกลางรายการที่1, 2, 3 รายการ ซุกซ่อนอยู่ใน โถส้วมภายในห้องน้ำบริเวณชั้นล่างของบ้านหลังที่เกิดเหตุ
จึงสอบถามคนภายในบ้านว่า ยาเสพติดดังกล่าวเป็นของใคร ปรากฏว่ามี นายเทียนชัย และนายรัชนาท ยอมรับว่ายาเสพติดทั้งหมดดังกล่าวเป็นของตนเองทั้ง 2 คน ที่ได้เอาไปทิ้งไว้ในโถส้วมดังกล่าว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบบุคคลทั้งหมดภายในบ้านหลังดังกล่าว ก็พบว่าคนที่อยู่ภายในบ้านดังกล่าวมีนายศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันตามหมายจับศาลอาญา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจึงจับกุมตามหมายจับไปดำเนินคดีในส่วนหนึ่งไปแล้ว
ควบคุมตัวทั้งหมดส่ง ร.ต.อ.สถิตย์ จันทีนอก รอง สว.สอบสวน ทำหน้าที่ ร้อยเวรสอบสวน นายเทียนชัย และนายรัชนาท ทราบว่า ”ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย” และได้แจ้งสิทธิให้ทั้ง 2 คนทราบ ทั้ง 2 คนทราบและเข้าใจดีแล้วโดยให้การสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
หลังจากนั้น จึงเชิญกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดจำนวน 20 คน (ตามรายชื่อบันทึกจับกุม) มาที่ สภ.หมูสี เพื่อขอตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ซึ่งทั้ง 20 คน ยินยอมให้ตรวจด้วยความสมัครใจ โดยใช้ชุดทดสอบสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะชนิดตลับขององค์การเภสัชกรรม GPO ปรากฏผลเป็นบวกจำนวน 19 คน (ยกเว้น นายกิตติศักดิ์ ไม่พบสารเสพติด)
จากการสอบถามกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมด 19 คน (ยกเว้น นายกิตติศักดิ์ ) ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ทั้ง 19 คน เสพยาอี ส่วนวัตถุออกฤทธิ์ (คีตามีน) เข้าสู่ร่างกาย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขอตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ด้วยความสมัครใจ จึงนำปัสสาวะของผู้ต้องหาทั้ง19 คน ไปที่โรงพยาบาลปากช่องนานา เพื่อตรวจพิสูจน์ยืนยันผลอีกครั้ง
ผลปรากฏว่าพบสารเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีนและวัตถุออกฤทธิ์(คีตามีน) ในปัสสาวะของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุม และแจ้งข้อกล่าวหาให้ นายเทียนชัย และนายรัชนาท ทราบว่ากระทำความผิดฐาน ”ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธ์ในประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, เสพวัตถุออกฤทธิ์ประเภท2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต, “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1(เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และ ร่วมกันมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ซึ่งผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินโรคติดต่อ”
ส่วนผู้ต้องหาที่ 3-19 ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า” เสพวัตถุออกฤทธิ์ประเภท2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต, “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1(เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และ ร่วมกันมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ซึ่งผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินโรคติดต่อ
จึงควบคุมตัวทั้งหมดดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย” และได้แจ้งสิทธิให้ทั้ง 2 คนทราบ ทั้ง 2 คนทราบและเข้าใจดีแล้วโดยให้การสารภาพตลอดข้อกล่าวหา กลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดจำนวน 20 คน ให้การรับสารภาพว่าตนเองได้ร่วมมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคจริง