รีเซต

9 คำแนะนำควรรู้ กิน "ทุเรียน" พึงระวัง เปิด 5 สายพันธุ์แคลอรี่สูง

9 คำแนะนำควรรู้ กิน "ทุเรียน" พึงระวัง เปิด 5 สายพันธุ์แคลอรี่สูง
TNN ช่อง16
15 พฤษภาคม 2564 ( 17:18 )
213

ฤดูร้อนผ่านพ้นไป เข้าสู่ช่วงต้นฤดูฝน ส่งผลให้สินค้าทางการเกษตรออกผลผลิตหลายชนิด หนึ่งในนั้นก็คือ "ทุเรียน" ราชาแห่งผลไม้ (King of fruit) ด้วยทั้งรสชาติหวานมัน เนื้อสีเหลืองเนียนละเอียดชวนกลืน กลิ่นหอมรันจวนใจเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หลายคนจึงยกให้ทุเรียนเป็นที่หนึ่งผลไม้ในดวงใจ แต่อย่างที่ทุกคนทราบกันดี ว่าการกินทุเรียนมากเกินไปก็อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายได้ 

วันนี้ ทีมข่าว TNN ONLINE จึงเชิญ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย มาให้ความรู้และคำแนะนำที่ถูกต้องในการกินทุเรียนอย่างไรให้เหมาะสมกับสุขภาพ ไม่อ้วน หรือกินพร้อมกับเครื่องดื่มอื่นๆ จะส่งผลกระทบต่อร่างกาย รวมทั้ง เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้หรือไม่ วันนี้ อธิบดีกรมอนามัย มีคำตอบให้กับทุกๆ คำถาม

เช็กสายพันธุ์ทุเรียน 1 ขีด ให้พลังงานกี่แคลอรี่?

ทุเรียน ประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดต ซึ่งเป็นสารอาหารที่พบในปริมาณมากที่สุดในเนื้อทุเรียน แบ่งเป็นแป้งและน้ำตาล นอกจากนี้ ยังมีโปรตีน ไขมัน แคโรทีน น้ำ และสารประกอบกำมะถัน ที่ทำให้เกิดกลิ่นขึ้นมา โดยหากจะกินทุเรียน อธิบดีกรมอนามัย แนะนำว่าต้องกิน "ให้เป็น" และ "เหมาะสม" เนื่องจากเป็นผลไม้ให้พลังงานสูง โดยทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ให้พลังงานไม่เท่ากัน ดังนี้

อันดับที่ 1 ทุเรียนก้านยาว น้ำหนัก 1 ขีด ให้พลังงาน 180 กิโลแคลอรี่

อันดับที่ 2 ทุเรียนลวง น้ำหนัก 1 ขีด ให้พลังงาน 157 กิโลแคลอรี่

อันดับที่ 3 ทุเรียนหมอนทอง น้ำหนัก 1 ขีด ให้พลังงาน 156 กิโลแคลอรี่

อันดับที่ 4 ทุเรียนชะนี น้ำหนัก 1 ขีด ให้พลังงาน 139 กิโลแคลอรี่

อันดับที่ 5 ทุเรียนกระดุม น้ำหนัก 1 ขีด ให้พลังงาน 129 กิโลแคลอรี่

"ทางสาธารณสุขไม่ได้มีข้อห้ามรับประทานทุเรียน เพียงแต่ต้องกินให้เหมาะสม สัมพันธ์กับความต้องการพลังงานของร่างกาย ไม่ควรกินเกิน 1-2 เม็ดต่อวัน และหลีกเลี่ยงการกินควบคู่ไปกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูง เพราะหากได้รับพลังงานมากเกินไป ขณะที่การเผาผลาญพลังงานของร่างกายน้อย ทำให้เกิดการสะสมของไขมันในร่างกายได้" อธิบดีกรมอนามัย อธิบาย

ไขข้อสงสัยกิน "ทุเรียน" กับ "น้ำอัดลม" หรือ "เครื่องดื่มแอลกอฮอล์" ถึงตายจริงหรือ?

นพ.สุวรรณชัย ยังได้คลายความสงสัยกรณีที่มีการแชร์ต่อๆ กันในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับการกินทุเรียนกับข้าวเหนียวน้ำกะทิ หรือกินทุเรียนกับน้ำอัดลม โดยอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า อาหารและเครื่องดื่มดังกล่าวนั้น ถูกจัดอยู่ในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลมากและให้พลังงานสูง กินร่วมกันก็ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินความต้องการ ส่งผลให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และเป็นสาเหตุของโรคอ้วนได้

นอกจากนี้ กรณีการกินคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งแอลกฮอล์เป็นตัวที่ทำให้เส้นเลือดขยาย ทำให้อุณหภูมิของร่างกายโดยเฉพาะในส่วนของพื้นผิวสูงขึ้น ขณะที่ ทุเรียนเป็นอาหารธาตุร้อน ต้องระวังเรื่องการ "ร้อนใน" ดังนั้น เมื่อกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มที่สร้างความร้อนกับร่างกาย จะทำให้อุณหภูมิของร่างการเพิ่มมากขึ้น และร่างกายจะเกิดการเผาผลาญพลังงาน อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิตขึ้นได้

กลิ่นทุเรียน อันตรายกับแค่ไหน?

กลิ่นทุเรียนค่อนข้างแรง ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ปิด อย่างเครื่องบิน รถโดยสาร โรงแรม ร้านอาหาร จะติดป้ายห้ามนำทุเรียนเข้ามาด้านใน เนื่องจากกลิ่นแรง อาจจะส่งผลต่อผู้ที่ไม่ชอบกิน บางคนอาจจะแค่เหม็นกลิ่นทุเรียน หรือบางคนอาจจะวิงเวียน แต่กลิ่นทุเรียน ไม่ได้เป็นตัวที่ทำอันตรายต่อร่างกายโดยตรง

กินทุเรียนเวลาไหนดีที่สุด?

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า เนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้ให้พลังงานสูง หลังกินหากมีกิจกรรมที่ใช้พลังงานไปด้วยจึงเป็นเรื่องที่ดี หรือกินแล้วไม่ควรรีบนอน เพราะอัตราการใช้พลังงานตอนนอนค่อนข้างต่ำ เพราะฉะนั้น จึงเป็นขอแนะนำว่า "ไม่ควร" กินทุเรียนตอนเย็น หรือ ตอนค่ำ เพราะเป็นช่วงก่อนที่จะเข้านอน ทำให้ร่างกายไม่ได้เผาผลาญพลังงาน

ส่วนช่วงเวลาเหมาะสมที่แนะนำในการกินทุเรียน คือ เวลาเช้า หรือเวลากลางวัน หลังอาหาร เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายได้ใช้พลังงานในการขับเคลื่อนทำกิจกรรมต่างๆ ทำให้พลังงานที่ได้รับจากทุเรียนถูกเผาผลาญและนำไปใช้จนหมด

และที่สำคัญเมื่อกินทุเรียนแล้วควรจะกินข้าว ข้าวเหนียว อาหารให้พลังงานสูง หรือใส่สารที่มีความหวานลดน้อยลง เพื่อให้ปริมาณที่ได้รับจากอาหารเหมาะสม ไม่มากจนเกินไป

กิน "ทุเรียน" ต้องตบท้ายด้วย "มังคุด" 

ว่ากันว่า...เมื่อกินราชาผลไม้ "ทุเรียน" แล้ว ก็ต้องกินราชินีผลไม้ "มังคุด" เพื่อให้เกิดความสมดุลกัน ผลไม้ที่เป็นธาตุร้อนต้องแก้ด้วยผลไม้ที่เป็นธาตุเย็น แท้จริงเป็นเช่นไร?

อธิบดีกรมอนามัย ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง โดยตำราทางการแพทย์แผนไทย ระบุว่า ทุเรียนเป็นอาหารธาตุร้อน การที่กินควบคู่กันไปกับอาหารที่มีธาตุเย็นอย่าง "มังคุด" ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น "ราชินีของผลไม้" ซึ่งมีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย และมีเส้นใยอาหารสูง เพราะฉะนั้นจะช่วยต้านการอักเสบ ลดอาการร้อนใน และในมังคุดมีน้ำ เมื่อร่างกายเผาผลาญพลังงานก็จะดึงน้ำไปใช้ด้วย เมื่อกินผลไม้ทั้ง 2 ชนิดคู่กัน จึงช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุล 

คนกลุ่มไหน ต้องระมัดระวังในการกินทุเรียน

ผู้คนที่มีโรคประจำตัว อย่างโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไต แนะนำว่า ต้องยิ่งควบคุมมากขึ้น เลี่ยงไปกินผลไม้ชนิดอื่นได้จะเป็นสิ่งดี แต่หากเลี่ยงไม่ได้และอยากกินจริงๆ ต้องประเมินโรคประจำตัวว่าควบคุมได้ดีหรือไม่ และปรึกษาแพทย์ประจำตัว เพื่อที่จะให้คำแนะนำอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งต้องควบคุม "ความอยาก" ของตนเองให้ได้ 

"สำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่สามารถควบคุมความรุนแรงของโรคได้แล้ว สามารถกินทุเรียนได้ แต่กินไม่ควรเกิน 1-2 เม็ด และควรกินตอนเช้าหรือกลางวัน ส่วนมื้ออื่นๆ ให้ลดปริมาณพลังงานอาหารลง เพื่อให้เกิดการสมดุล แต่อย่ากินตามใจปากมากเกินไป อาจจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีได้"

ทุเรียนแปรรูปต้องระวัง! กวน-ทอด ให้พลังงานมากกว่า

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า หากแปรรูปเป็นทุเรียนกวน บางครั้งใส่สารให้ความหวานหรือน้ำตาลเข้าไปเพิ่ม ซึ่งอาจให้พลังงานมากกว่าทุเรียนสดอีก โดยจากการสำรวจพบว่า "ทุเรียนกวน" บางร้านให้พลังงานมากถึง 340 กิโลแคลอรี่ต่อ 1 ขีด

ขณะเดียวกัน "ทุเรียนทอด" ต้องดูว่าใช้ทุเรียนช่วงไหน โดยธรรมชาติ ทุเรียนห่ามจะมีน้ำตาลน้อยกว่าทุเรียนสุกเต็มที่ แต่ข้อเสียคือ เป็นการแปรรูปโดยการใช้น้ำมัน ยิ่งเป็นการเพิ่มปริมาณพลังงานของอาหารไปด้วย

กล่าวโดยสรุป อธิบดีกรมอนามัย ให้คำแนะนำในการรับประทานทุเรียน ดังนี้

1.กินทุเรียนด้วยความพอดี ไม่ควรเกิน 2 เม็ดต่อวัน

2.หากต้องการกินมากกว่า 2 เม็ด ให้ลดอาหารในมื้ออื่นๆ เพื่อชดเชยให้สมดุลกับร่างกาย

3.ไม่ควรจะกินทุเรียนถี่ทุกวัน เพราะทำให้เกิดการได้รับพลังงานสะสมต่อเนื่อง เสี่ยงเกิดอาการร้อนใน เจ็บคอขึ้นได้

4.หลีกเลี่ยงการกินควบคู่ไปกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูง อย่างเช่น ข้าวเหนียวน้ำกะทิ น้ำอัดลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

5.กินทุเรียนในช่วงเวลาเช้า หรือกลางวัน หลังอาหาร หลีกเลี่ยงการรับประทานช่วงกลางคืน

6.กินควบคู่กับผลไม้ที่มีธาตุเย็น อย่าง "มังคุด" ช่วยลดความร้อนในร่างกาย

7.หลังกินทุเรียนให้ดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ 

8.หากิจกรรมหรือออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงานจากทุเรียนที่กินไป

9.กลุ่มที่ควรระมัดระวังในการกินทุเรียน คือ ผู้มีโรคประจำตัวเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไต หากต้องการกินให้ปรึกษาแพทย์ประจำตัว


ทีมข่าว TNN ONLINE รายงาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง