ญี่ปุ่นประกาศเปิดประเทศ 1 มี.ค.นี้ หลังจากปิดประเทศมานานเกือบ 2 ปี
วันนี้ (20 ก.พ.65) ญี่ปุ่นเตรียมผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มพรมแดนเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากใช้มาตรการควบคุมที่เข้มข้นที่สุดในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ชาติ หรือ จี-7 โดยรัฐบาลญี่ปุ่นเผชิญหน้ากับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า มาตรการคุมเข้มโควิด กำลังทำลายเศรษฐกิจและชื่อเสียงของประเทศ ซึ่งเป็นการประกาศที่ผู้คนกำลังรอคอย
นายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ ของญี่ปุ่น กล่าวว่า การเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากการท่องเที่ยว จะได้รับอนุญาตภายใต้แนวทางปฏิบัติ และการตรวจสอบดูแลจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยนับจากวันที่ 1 มีนาคมนี้ ญี่ปุ่นจะเริ่มต้อนรับผู้เดินทางด้านธุรกิจ นักศึกษา และผู้ฝึกงานด้านเทคนิค หลังจากญี่ปุ่นคุมเข้มการเดินทางมานานเกือบ 2 ปี
ส่วนการกักตัวจะยังคงอยู่ที่ 7 วัน และคนที่มาจากประเทศเสี่ยงสูง จะยังคงต้องใช้เวลาพำนักอยู่ที่โรงแรมที่ทางรัฐบาลจัดหาไว้ให้ แต่สำหรับนักเดินทาง ที่มีหลักฐานผลตรวจไวรัสเป็นลบ และเข้าเงื่อนไขอื่น ๆ ก็สามารถลดเวลาในการกักตัวเหลือเพียง 3 วันได้ และคนที่มาจากประเทศที่ไม่มีความเสี่ยง ซึ่งได้รับการฉีกวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิแล้ว สามารถข้ามกฎเกณฑ์นี้ไปได้เลย
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้คำมั่นว่าจะลดความซับซ้อนของขั้นตอนสำหรับบริษัทต่าง ๆ ในการนำคนงานเข้ามาทำงานในญี่ปุ่น แต่บรรดานักธุรกิจในชุมชนธุรกิจจำนวนมาก กล่าวว่า มาตรการของรัฐบาลแค่นี้ยังไม่เพียงพอ โดยสมาคมผู้บริหารองค์กรของญี่ปุ่น แถลงว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวช้าเกินไป และว่ารัฐบาลล้มเหลวในการปรับมาตรการทางวิทยาศาสตร์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
ซีอีโอของหอการค้าและอุตสาหกรรมเยอรมนีในญี่ปุ่น กล่าวว่า การผ่อนคลายก็เป็นขั้นตอนหนึ่งที่มาถูกทางแล้ว แต่ยังคงไม่เพียงพอ
ญี่ปุ่นจะเพิ่มจำนวนผู้เข้าประเทศจาก 3,500 คน เป็น 5,000 คน แต่ข้อมูลของทางการแสดงให้เห็นว่า มีชาวต่างชาติประมาณ 400,000 คน รอเข้าประเทศในช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่สนับสนุนมาตรการคุมเข้มพรมแดน โดยผลการสำรวจของบรรษัทกระจายเสียงแห่งชาติของญี่ปุ่น ในช่วงต้นเดือนนี้ พบว่า ประชาชนร้อยละ 57 กล่าวว่า การห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศครั้งใหม่ ควรจะยังคงใช้ต่อไป
ขณะที่ร้อยละ 32 เท่านั้นที่บอกว่า ควรผ่อนคลาย ผลการสำรวจยังพบด้วยว่า เสียงสนับสนุนคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีคิชิดะ ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว เนื่องจากคลื่นการระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน
รัฐบาลกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ฐานล่าช้าในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิ โดยมีประชาชนเพียงร้อยละ 12 เท่านั้นที่ได้ฉีดวัคซีน 3 เข็ม.
ภาพจาก AFP