พบผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์ ‘Omicron’ ในหลายประเทศ ส่งผลให้รัฐบาลหลายชาติ ออกมาตรการใหม่เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสตัวนี้

ล่าสุด ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ออกมาประณามว่า คำสั่งดังกล่าวไม่เป็นธรรม และเรียกร้องให้ยกเลิกโดยด่วน

 

ผู้เชี่ยวชาญหลายคน มองว่า หากจะโทษว่าใครผิด ที่ทำเกิดโควิดกลายพันธุ์ Omicron ขึ้นมา ก็ต้องโทษว่าเป็นความผิดของความไม่เท่าเทียมในการแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด ที่ย้อนกลับมาคุกคามชาติร่ำรวยที่กักตุนวัคซีนนั่นเอง

 

 

สำนักข่าว CNN รายงานว่า ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกหลายแห่งใช้เวลาในปีที่ผ่านมา เพื่อกักตุนวัคซีนต้านโควิด-19 โดยสั่งซื้อให้เพียงพอ สำหรับฉีดให้กับประชากรของตนหลายครั้ง แต่กลับล้มเหลวอย่างต่อเนื่องในการแบ่งปันวัคซีนให้กับประเทศกำลังพัฒนาตามคำมั่นที่ให้ไว้

องค์การอนามัยโลกเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการ "แพ้ภัยตัวเอง" และ "ผิดศีลธรรม" และย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง เพราะไวรัสโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ล่าสุด อย่าง Omicron ที่พบผู้ติดเชื้อในหลายประเทศ น่าจะมาจากภูมิภาคที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ

 

 

หลายประเทศทั่วโลกตอบสนองต่อข่าวนี้ ด้วยการปิดพรมแดนอย่างรวดเร็ว ไม่อนุญาตให้ นักเดินทางที่มาจากประเทศต่าง ๆ ในทวีปแอฟริกา เช่น แอฟริกาใต้ บอตสวานา ซิมบับเว นามิเบีย เลโซโท เอสวาตีนี โมซัมบิก และมาลาวี เดินทางเข้าประเทศของตน เช่น

- ออสเตรเลีย ประกาศห้ามคนที่เดินทางมาจาก 9 ประเทศแอฟริกาตอนใต้เข้าประเทศ เพิ่ม เซเชลล์ส เข้าไปอีก 1 ประเทศ

 

- นิวซีแลนด์ ประกาศมาตรการล่าสุดว่า พลเมืองนิวซีแลนด์เท่านั้น ที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ แม้ว่า พวกเขาเดินทางมาจาก 9 ประเทศทางตอนใต้ของแอฟริกา แต่จะต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน และเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด

 

- ไทย ห้ามผู้โดยสารจาก 8 ชาติแอฟริกาเข้าประเทศ ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศเหล่านี้ ระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายนจะต้องเข้ากระบวนการกักตัว 14 วันทันที

- อิสราเอล กลายเป็นประเทศแรกที่ปิดพรมแดน สำหรับนักเดินทางต่างชาติทั้งหมด เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน ยกเว้นกรณีเร่งด่วนด้านมนุษยธรรม ที่จะได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการข้อยกเว้นพิเศษ ชาวอิสราเอลที่ได้รับวัคซีน กลับเข้าประเทศต้องกักตัว 3 วัน หากไม่ได้รับวัคซีนจะต้องกัก 7 วัน มาตรการนี้ประกาศเมื่อวาน (29 พฤศจิกายน) หลังเพิ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบไปเมื่อ 4 สัปดาห์ก่อน

- โมร็อกโก ที่อยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าประเทศ แม้แต่พลเมืองโมร็อกโกเองก็ตาม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และสั่งห้ามเที่ยวบินขาเข้าและขาออกทั้งหมด เป็นเวลาสองสัปดาห์

- สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา สหภาพยุโรป และอีกหลายประเทศ ได้ประกาศห้ามนักเดินทางจากทางประเทศทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาเช่นกัน

 

 

ประธานาธิบดี ซีริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ ประณามมาตรการแบนการเดินทางที่ทั่วโลกบังคับใช้กับแอฟริกาใต้และประเทศเพื่อนบ้าน ระบุว่า ผิดหวังอย่างยิ่งกับความเคลื่อนไหวที่ไม่ชอบธรรม พร้อมกับเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวอย่างเร่งด่วน

 

พร้อมกับระบุว่า คำสั่งแบนการเดินทาง นอกจากจะไม่ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ Omicron แล้ว ยังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม และทำลายศักยภาพในการฟื้นตัวจากโควิดของประเทศที่ได้รับผลกระทบด้วย

 

การตรวจพบโควิด Omicron เป็นสัญญาณเตือนทั่วโลก ถึงการเรียกร้องความเท่าเทียมด้านวัคซีน และเตือนว่า การกลายพันธุ์เพิ่มเติมของเชื้อโควิดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จนกว่าทุกคนจะได้ฉีดวัคซีน

 

สำหรับแอฟริกาใต้นั้น ไม่ได้ขาดแคลนวัคซีน ผู้นำได้เรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนมากขึ้น เนื่องจากเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับโควิด

 

ก่อนหน้านี้ กระทรวงต่างประเทศแอฟริกาใต้ออกแถลงการณ์ว่า ประเทศของพวกเขากำลังถูก ลงโทษ แทนที่จะได้ได้รับการชื่นชม ที่ค้นพบโควิดกลายพันธุ์โอไมครอน

 

—————

แปล-เรียบเรียง: สุภาพร เอ็ลเดรจ

ภาพ: Tolga Akmen / AFP