รีเซต

ถอดมุมมอง! นักวิชาการ หลังปลดล็อก กัญชา-กัญชง ใช้อย่างไร ให้ถูกต้อง?

ถอดมุมมอง! นักวิชาการ หลังปลดล็อก กัญชา-กัญชง  ใช้อย่างไร ให้ถูกต้อง?
TNN ช่อง16
9 มิถุนายน 2565 ( 11:18 )
99

คณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ นำโดย นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ. เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีการปลดล็อกกัญชากัญชง #ใช้กัญชาอย่างเข้าใจ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 นี้



- ปลดล็อกกัญชา-กัญชง  สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 


นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 2565 ทำให้ทุกส่วนของกัญชากัญชงไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มีสาร THC เกิน 0.2% โดยน้ำหนักที่ยังคงเป็นยาเสพติด ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำถึงนโยบายที่รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุขผลักดันมาตลอด คือการนำกัญชา กัญชง มาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพ การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ให้แก่ประชาชน โดยไม่มีการสนับสนุนให้ใช้กัญชากัญชงในทางที่ไม่เหมาะสม สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นทางกระทรวงสาธาร ณสุขได้มีการอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีส่วนประกอบของกัญชากัญชงและสารสกัด CBD เช่น เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและตำรับยาไทย มากถึง 1,181 รายการ โดยผลการวิจัยของธนาคารกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี 2564 คาดว่าในปี 2569 ตลาดกัญชงจะเจริญเติบโตและมีมูลค่ามากถึง 15,000 ล้านบาท และอาจจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่านี้ เนื่องด้วยมีการประเมินมูลค่าตลาดกัญชาที่ถูกกฎหมายทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 500,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตมากกว่าร้อยละ 17 โดยกัญชาในอุตสาหกรรมทางการแพทย์และสุขภาพสร้างรายได้ถึงร้อยละ 70 ของมูลค่าทั้งหมด ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ เพื่อร่วมกันสื่อสารทำความเข้าใจการใช้กัญชากัญชงที่ถูกต้องกับประชาชน




- ประโยชน์จาก กัญชา กัญชง  เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์




นพ. เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ ส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย โดยได้นำตำรับยากัญชาบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว 8 ตำรับ นอกจากนั้นกัญชายังสามารถนำมาต่อยอดในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทำให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม รวมถึงเพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเอง ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 พืชกัญชากัญชงไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป ถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของกัญชากัญชงในประเทศไทย และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ เพื่อให้ก้าวไปด้วยกันอย่างถูกต้องว่า ประชาชนจะสามารถปลูกพืชกัญชากัญชง เพื่อประโยชน์ในการรักษาและดูแลสุขภาพ และเมื่อปลูกแล้วยังสามารถแสดงตนด้วยการจดแจ้งผ่านระบบแอปฯ ปลูกกัญของ อย. ได้ด้วย


 




- กัญชา กัญชง ห้ามจำหน่าย 3 กลุ่ม 




ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขเองได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับในเรื่องผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนในการนำกัญชากัญชงไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เช่น ห้ามจำหน่ายให้ใช้ในสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี การออกประกาศกำหนดให้กลิ่นควันกัญชากัญชงเป็นเหตุรำคาญ นโยบายนี้ไม่ครอบคลุมถึงการสูบหรือการบริโภคเพื่อความบันเทิงหรือนันทนาการ เพราะไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกระทรวงสาธารณสุข




- ปลูกกัญชา กัญชง สามารถปลูกได้โดยไม่ต้องขออนุญาต 


นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ต้องการปลูกกัญชา กัญชง สามารถปลูกได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่จะต้องมีการจดแจ้งผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ปลูกกัญ ของ อย. ที่จัดทำขึ้นและสามารถถอนการจดแจ้งได้เมื่อพบการกระทำความผิดที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ การจดแจ้งแอปพลิเคชันปลูกกัญนั้นเป็นไปเพื่อรักษาสิทธิของผู้ปลูกก่อนที่ พ.ร.บ.กัญชากัญชงจะประกาศบังคับใช้ โดยแจ้งตามวัตถุประสงค์การปลูก ซึ่งการปลดล็อกนี้จะทำให้ประชาชนสามารถปลูกเพื่อดูแลสุขภาพของตนเองและใช้ในครัวเรือน เพื่อนำไปใช้ในการปรุงยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายของกรณีที่เป็นแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้าน และเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์หรือในทางอุตสาหกรรมได้ ซึ่งขณะนี้ มีผู้ลงเบียนเพื่อขอจดแจ้งแล้วเกือบแสนราย สำหรับการผลิตแปรรูปส่วนอื่น ๆ ของพืชกัญชากัญชง เช่น ใบ ช่อดอก กิ่งก้าน ราก ไม่ต้องขออนุญาตยาเสพติด 


ส่วนสารสกัดถ้ามี THC เกิน 0.2% ถือเป็นยาเสพติด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีพืชกัญชากัญชง หรือสารสกัดกัญชากัญชง เป็นส่วนประกอบ เช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหาร เครื่องสำอาง ให้ขออนุญาตตามกฎหมายผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เช่น ยาน้ำมันกัญชา ยาแผนไทยที่มีใบ ช่อดอก ราก ฯลฯ เป็นส่วนผสม ต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร กรณีเป็นแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้าน หากจะใช้กัญชากัญชง ไปปรุงยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย ได้รับการยกเว้นตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้ทำได้ตามการประกอบวิชาชีพโดยไม่ต้องขอใบอนุญาตผลิต หากมีข้อสงสัยเรื่องการปลูกการสกัด หรือการขออนุญาตผลิตผลิตภัณฑ์ให้สอบถามเพิ่มเติมโทร 1556 กด 3 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนั้น ๆ


- กัญชา กัญชง สำหรับปรุงอาหาร ควรใส่แต่พอดี 


นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ต้องการสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจทั้งประโยชน์และข้อควรระวังมากขึ้น และทำความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องในสังคม รวมถึงการประเมินติดตามสถานการณ์ให้ประชาชนใช้กัญชาอย่างถูกต้องอย่างเข้าใจ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนมีความสำคัญ เพื่อปรับปรุงข้อห่วงใยในช่วงรอยต่อนี้ แม้กัญชาจะไม่ได้อยู่ในฐานะของยาเสพติดแล้ว แต่กระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีการเตรียมความรู้และมาตรการมากกว่าช่วงนิรโทษกรรมกัญชาเมื่อปี 2562 ที่สามารถดำเนินการเปลี่ยนผ่านได้โดยไม่เกิดปัญหาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามมีคำแนะนำว่าในช่วงการเปลี่ยนผ่านในระหว่างรอ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง การปลูกทั้งหมดควรทำการจดแจ้งในแอปพลิเคชัน ปลูกกัญ ของ อ.ย. เพื่อรักษาสิทธิของแต่ละคนในอนาคตหลัง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ประกาศบังคับใช้ ในขณะเดียวกันการปรุงอาหารที่ใช้ส่วนต่างของกัญชาจะต้องมีความระมัดระวังไม่ให้เกิดผลเสียและหากใส่กัญชามากเกินพอดีอาจทำเกิดอาการไม่พึงประสงค์และเสียลูกค้าในร้านอาหารได้ 


ในขณะที่ผู้ที่ปลูกเพื่อจำหน่ายควรศึกษาเพื่อให้มีความชัดเจนเสียก่อนในเรื่องสายพันธุ์ วิธีการปลูก และคุณภาพให้เป็นไปตามผลิตภัณฑ์ของผู้ซื้อเพื่อป้องกันความเสียหายในทางธุรกิจของผู้ปลูกกัญชากัญชงเอง และควรระวังว่ากัญชายังไม่สามารถนำติดตัวไปยังต่างประเทศได้หากยังไม่มีใบรับรองทางการแพทย์หรือประเทศเหล่านั้นกำหนดให้กัญชายังคงเป็นยาเสพติตหรือห้ามนำเข้าจากประเทศอื่น




-  "ควัน" กัญชา-กัญชง  เป็นเหตุให้รำคาญ โทษหนักคุก  3 เดือน 


เรื่องนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ย้ำถึงการปลดล็อกกัญชาในครั้งนี้ ระบุว่า "เราขับเคลื่อนกัญชา มาอยู่ในจุดที่พลิกประวัติศาสตร์อีกหน้าไปแล้ว ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าต้องใช้กัญชาอย่างเข้าใจ เราจะไม่ดึงกัญชากลับไปถูกล็อกเหมือนเดิม"


นายอนุทิน กล่าวว่า สธ.ย้ำมาตลอดในการใช้กัญชาในทางที่ดี เป็นประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และการเสริมสร้างรายได้ การนำไปใช้ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น การนำไปสูบ จึงไม่อยู่ในเจตนารมณ์ของกฎหมายกัญชากัญชง เพราะเราเน้นใช้เพื่อการแพทย์ และเพื่อสร้างเศรษฐกิจ โดยประชาชนนำไปใช้ประโยชน์ได้


นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยแนวทางควบคุมเหตุรำคาญ จากการกระทำให้เกิดกลิ่น หรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด ให้เจ้าพนักงานในท้องถิ่นดูแล เมื่อได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนเหตุรำคาญ กรณีผู้ถูกร้องเรียนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งทางปกครอง ให้เจ้าพนักงานดำเนินการส่งเรื่อง ให้ผู้มีอำนาจเปรียบเทียบตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข


โดยอัตราโทษกรณีไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นดังกล่าวข้างต้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาทถ้วน หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีผู้ถูกร้องเรียนปฏิบัติตามคำสั่งทางปกครอง เรื่องยุติให้เจ้าพนักงานแจ้งผลการดำเนินการให้ผู้ร้องเรียนทราบต่อไป





ภาพ TNNONLINE 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง