รีเซต

KTISเก็งน้ำตาลดีดถึงปีหน้า เตรียมรับทรัพย์กลุ่มธุรกิจโต

KTISเก็งน้ำตาลดีดถึงปีหน้า เตรียมรับทรัพย์กลุ่มธุรกิจโต
ทันหุ้น
24 เมษายน 2566 ( 12:22 )
66
KTISเก็งน้ำตาลดีดถึงปีหน้า เตรียมรับทรัพย์กลุ่มธุรกิจโต

KTIS คาดสภาพอากาศแปรปรวน ดันราคาน้ำตาลในตลาดโลกทรงตัวสูงถึงปีหน้า เล็งผนึกเกษตรกรบำรุงตออ้อยรักษาปริมาณอ้อยเข้าฤดูหีบปี 2566/2567 หลังปิดหีบปีนี้สามารถผลิตน้ำตาลได้เพิ่มขึ้นราว 10% YoYทั้งมีวัตถุดิบส่งต่อธุรกิจเอทานอล, โรงไฟฟ้าชีวะมวล, และโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก หนุนผลการดำเนินงานดีทุกกลุ่มธุรกิจ

 

นายประพันธ์  ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS เปิดเผยว่า ราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีแนวโน้มทรงตัวระดับสูงต่อเนื่องถึงปี 2567 หนุนจากสภาพอากาศที่เข้าสู่สถานการณ์เอลนีโญ อาจส่งผลต่อปริมาณน้ำฝนในช่วงฤดูฝนปี 2566 นี้ กดดันความสามารถในการบำรุงตออ้อยของเกษตรกรชาวไร่อ้อย

 

ดังนั้นกลุ่มบริษัทจึงร่วมมือกับเกษตรกรชาวไร่อ้อยในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ด้วยโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (BCG) มุ่งเน้นให้เกษตรกรพัฒนาพื้นที่การเกษตรอย่างยั่งยืน ทั้งยังได้ผลิตผลอ้อยที่มีคุณภาพปลอดสารเคมี สามารถเพิ่มมูลค่าผลผลิตน้ำตาลได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

ราคาน้ำตาลดีด

 

ประกอบกับสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนส่งผลให้ประเทศบราซิล ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลกยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ยังไม่สามารถเปิดหีบอ้อยได้ รวมถึงประเทศอินเดียที่ประสบปัญหาภัยแลงจนรัฐบาลอินเดียต้องประกาศลดโควตาการส่งออกน้ำตาลสำหรับปี 2565-2566 ลง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 สัญญาซื้อขายน้ำตาลล่วงหน้า (Futures) ส่งมอบวันที่ 22 เมษายน 2566 พุ่งขึ้นแตะ 24.44 เซ็นต์ต่อปอนด์ สูงสุดในรอบ 11 ปีนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555

 

“สภาพอากาศที่แปรปรวนทั่วโลก รวมถึงในไทยเป็นปัจจัยกดดันปริมาณอ้อยที่จะเข้าสู่ฤดูการผลิตปี 2566/2567 ให้มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจากปีนี้ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) คาดว่าจะลดลงจากปี 2565/2566 ที่มีอ้อยเข้าโรงหีบเพียบ 93.88 ล้านตันอ้อยน้อยกว่าที่คาดว่าจะมีอ้อยถึงราว 100 ล้านตันอ้อย ถ้าปีหน้าปริมาณอ้อยลดลงทั่วโลกราคาน้ำตาลก็จะยังทรงตัวสูงต่อเนื่อง”

 

โดยหลังจากทั้ง 3 โรงงานปิดหีบอ้อยไปเมื่อเดือนมีนาคม 2566 กลุ่มบริษัทมีอ้อยเข้าหีบกว่า 6.2 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลได้กว่า 7-7.1 ล้านกระสอบ ซึ่งสูงกว่าปี 2564/2565ที่ได้มีอ้อยเข้าหีบราว 6.2 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลได้ราว 6.4 ล้านกระสอบ หรือเพิ่มขึ้นราว 10% เมื่อเทียบกับปี 2565 (YoY) ที่ผ่านมา

 

กลุ่มธุรกิจทำเงิน

 

ทั้งนี้ ปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้นในปีการผลิตนี้จะส่งผลดีต่อทุกสายธุรกิจ เนื่องจากจะได้กากน้ำตาล (โมลาส) ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเอทานอลมากขึ้น ประกอบกับราคาเอทานอล ณ ปัจจุบันเคลื่อนไหวที่ราว 28-29 บาทต่อลิตรเร่งตัวขึ้นจากราคาเฉลี่ยทั้งปี 2565 ที่ 24 บาทต่อลิตร และมีแนวโน้มทรงตัวดีต่อเนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ ทำให้มีความต้องการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้น

 

ขณะที่ชานอ้อยก็จะนำเป็นเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวล รวมถึงเป็นวัตถุดิบป้อนให้กับโรงงานผลิตเยื่อกระดาษจากชานอ้อยได้มากขึ้นด้วย โดยในปีนี้ บริษัท จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากเยื่อชานอ้อยบริสุทธิ์ 100% ซึ่งจะทยอยเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังมีรายได้บางส่วนจาก โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC) เฟส 1 ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท จีจีซี เคทิสไบโออินดัสเทรียล จำกัด หรือ GKBI บริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม KTIS และกลุ่ม PTT ซึ่งมีโรงงานผลิตเอทานอลจากน้ำอ้อย กำลังการผลิต 6 แสนลิตรต่อวัน, โรงไฟฟ้ากำลังการผลิตติดตั้งรวม 85 เมกะวัตต์ และสามารถผลิตไอน้ำ 520 ตัน โดยมีสัญญาขายไฟฟ้า 30 เมกะวัตต์

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง