คลัง-ธปท.ออก 3 มาตการสกัดธุรกรรม”เก็งกำไรทองคำ”ทำบาทแข็งค่า

#ทันหุ้น คลัง-ธปท.ออก 3 มาตรการสกัดธุรกรรม”เก็งกำไรทองคำ”ทำเงินบาทแข็งค่า พุ่งเป้าเทรดทองออนไลน์ หลังพบมูลค่าการซื้อขายสูงแซงตลาดหุ้น สั่งรายงานข้อมูลตรงสรรพากร-ธปท. เล็งเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ-จำกัดวงเงินธุรกรรมการซื้อขาย ย้ำไม่กระทบรายย่อยที่ซื้อทองตามร้านปกติ
วันนี้(23ธ.ค.)กระทรวงการคลัง ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) แถลงข่าวด่วนถึงสาเหตุของเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าผิดปกติ โดยระบุว่า ธุรกรรมทองคำการซื้อขายผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์นั้น เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญ โดยมีมูลค่าการซื้อขายจำนวนมากหรือสูงสุดที่กว่า 2.5 แสนล้านบาท สูงกว่าตลาดทุนที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดที่กว่า 7.4 หมื่นล้านบาท พร้อมกาง 3 มาตรการเข้ม ทั้งการรายงานข้อมูลธุรกรรมเทรดทอง เตรียมเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ และการจำกัดวงเงินธุรกรรมการซื้อขาย
นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า ธปท.พบว่า เงินบาทแข็งค่าเร็วเกินพื้นฐานเศรษฐกิจ จากข้อมูลล่าสุด พบว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 9.4% ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับนำของภูมิภาค อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวล คือ เฉพาะในช่วงเดือนนี้เพียงเดือนเดียว เงินบาทแข็งค่าขึ้นถึง 4.2% ซึ่งเป็นการแข็งค่าที่เร็วมากและไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แท้จริง แม้จะมีปัจจัยจากดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า หรือเกินดุลบัญชีเดินสะพัดบ้าง แต่ตัวการหลักที่พบคือแรงขายดอลลาร์ที่มาจากธุรกรรมทองคำ
เขากล่าวว่า ธุรกรรมทองคำออนไลน์มีมูลค่าพุ่ง 39% ของจีดีพี ในปี 2567 ส่วนปีนี้ มูลค่าพุ่งเกิน 50% ผลการตรวจสอบพบว่า ธุรกรรมทองคำในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของผู้ค้าทองรายใหญ่ 15 ราย ในจำนวนนี้ มี 3-4 รายที่มีมูลค่าซื้อขายสูงเกิน 100 – 1,000 ล้านบาทต่อวัน
ทั้งนี้ ปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายทองคำเฉลี่ยอยู่ที่ 6.59 หมื่นล้านบาทต่อวัน ซึ่งสูงกว่ามูลค่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เฉลี่ย 4.24 หมื่นล้านบาทต่อวัน ในบางวันที่ราคาทองผันผวน ปริมาณการซื้อขายเคยพุ่งสูงถึง 2.55 แสนล้านบาทต่อวัน
“ผลกระทบต่อบาทนั้น เมื่อราคาทองในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น คนไทยจะขายทองผ่านแอปพลิเคชัน ร้านทองจึงต้องขายดอลลาร์เพื่อนำเงินบาทมาจ่ายลูกค้า ส่งผลให้เกิดแรงขายดอลลาร์มหาศาล โดยพบว่าในบางช่วง แรงขายดอลลาร์จากธุรกรรมทองคำคิดเป็นถึง 45-62% ของแรงขายดอลลาร์ทั้งประเทศ”
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า กระทรวงการคลังได้ออก 3 มาตรการในการกำกับดูแลธุรกรรมการซื้อขายทอง ประกอบด้วย 1.ให้กรมสรรพากรพิจารณาแนวทางการกำหนดให้ผู้ให้บริการซื้อขายทองคำในลักษณะการลงทุนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์นำส่งข้อมูลธุรกรรมการซื้อขายทองคำดังกล่าวให้แก่กรมสรรพากรเช่นเดียวกับแพลตฟอร์มสินค้าหรือบริการออนไลน์ที่มีการนำส่งข้อมูลรายรับที่ได้จากผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการผ่านแพลตฟอร์มให้แก่กรมสรรพากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้วในปัจจุบัน
2.ให้กรมสรรพากรพิจารณาความเหมาะสมในการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากกิจการขายทองคำแท่งของร้านทองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และ 3.ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาแนวทางการกำกับปริมาณการทำธุรกรรมทองคำ เช่น การกำหนดเพดานวงเงินการซื้อขายทองคำในแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นต้น
“ในส่วนการพิจารณาเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะนั้น เราต้องปรึกษากฤษฎีกาว่า และ ก.ก.ต.ว่า จะสามารถทำได้ในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่”
นายวิทัยกล่าวด้วยว่า ในส่วนการกำหนดเพดานวงเงินการซื้อขายทองบนแพลตฟอร์มออนไลน์นั้น เราจะดูที่มูลค่าสูงหรือมากกว่า 100 ล้านบาทต่อวันและดูว่ามีการเก็งกำไรที่ผิดปกติ จะไม่มีผลกระทบต่อประชาชนที่ซื้อทองรูปพรรณหรือทองคำแท่งตามร้านทองปกติ (ร้านตู้แดง) , การซื้อเพื่อการออม หรือการสะสมของรายย่อย รวมถึง ภาคอุตสาหกรรมการผลิต การส่งออก หรือนำเข้าทองคำเพื่อธุรกิจปกติ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะให้ออกประกาศให้อำนาจธปท.ในการกำกับธุรกรรมซื้อขายทองและยังกำหนดให้มีการรายงานข้อมูลมาที่ธปท.คาดว่า จะออกประกาศได้ภายในเดือนมกราคมปีหน้า
ด้านนางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาก.ล.ต.กล่าวว่า ประเด็นที่มีข้อสังเกตว่า การซื้อขาย USDT ผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทแข็งค่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากปริมาณธุรกรรมซื้อขาย USDT รวมถึงยอดการแลก USD เป็น THB ของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล คิดเป็นเพียง 1.22% และ 0.17% ของยอด FX inflow ซึ่งมีจำนวน 29.1 ล้านล้านบาท ตามลำดับ จึงไม่มีนัยยะต่อค่าเงิน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
