“สุสานใต้ทะเล” หายนะปะการังฟอกขาว จาก Great Barrier Reef สู่ทะเลไทย
องค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติ หรือ NOAA ประกาศเมื่อเดือนเมษายน 2567 ว่า โลกกำลังเข้าสู่วิกฤตปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ กระทบอย่างน้อย 53 ประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย
แนวปะการังที่เคยสวยงามของออสเตรเลีย เวลานี้ สีสันได้หายไป กลายเป็นซากศพสีขาว จากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ซ้ำเติมด้วยปรากฎการณ์เอลนีโญ
โทษประหารชีวิตใต้ทะเล
ศาสตราจารย์ โอเว โฮกห์ กุลด์เบิร์ก นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐควีนส์แลนด์ในออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นไว้ว่า อุณหภูมิน้ำทะเลพุ่งสูงทำลายสถิติ น้ำทะเลร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันเหมือนเป็นการล้างบางปะการัง
“โทษประหารชีวิต” คือคำที่ศาสตราจารย์กุลด์เบิร์ก เรียก ปะการังฟอกขาวใหญ่ครั้งนี้ และไม่ได้ทำให้ปะการังตายเท่านั้น แต่ระบบนิเวศน์ทางทะเลที่เสี่ยงล่มสลาย จะเป็นอันตรายต่อสปีชีส์สิ่งมีชีวิตราว 1 ใน 4 ของโลก ที่ต้องพึ่งพาแนวปะการังเพื่อการอยู่รอด รวมถึงประชากรโลกกว่าพันล้านคน ที่ต้องอาศัยการประมงปลาจากแนวปะการังเหล่านี้ เพื่อเป็นอาหารและหาเลี้ยงชีพ
แนวปะการัง ยังปกป้องแนวชายฝั่ง ลดผลกระทบจากอุทกภัย พายุ และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลด้วย แต่มหันตภัยเหล่านี้ กลับเป็นสิ่งที่ศาสตราจารย์กุลด์เบิร์ก ชี้ว่า “มนุษย์ยังไม่เข้าใจและไม่ตระหนักถึง”
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะเกรตแบร์ริเออร์รีฟในออสเตรเลียเท่านั้น แต่ขยายตัวไปถึงแนวปะการังสำคัญและมีชื่อเสียงระดับโลกอีกหลายแห่ง รวมถึงแนวปะการังในทะเลแดง อินโดนีเซีย หมู่เกาะเซเชลส์ รวมถึงในประเทศไทยด้วย
ปะการังไทยเสี่ยงตาย
ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตราทงทะเล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ปะการังในทะเลไทยกำลังฟอกขาวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ” จากที่แสดงอาการผิดปกติเมื่อน้ำอุณหภูมิสูงเกิน 30.5-31 องศาเซลเซียส
ปะการังฟอกขาว มี 4 ระดับด้วยกัน เริ่มจากสีซีดจาง สีเริ่มเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ แล้วก็กลายเป็นสีขาว ก่อนจะเข้าสู่ระดับที่สี่ คือ ปะการังตายลง
แนวปะการังไทยที่เกิดภาวะฟอกขาว คือ แนวปะการังจังหวัดตราด 8 แห่ง โดยเฉพาะพื้นที่รอบเกาะหมาก เกาะกระดาด และเกาะขาม ที่มีความเสี่ยงมาก ปะการังบางส่วนกลายเป็นสีขาว ผลจากปัจจัยอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงสุดถึง 34-35 องศาเซลเซียสในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าร้อนที่สุดนับแต่บันทึกมา
“ทะเลไทยเห็นภาพชัดเจนว่าเกิดการเปลี่ยนแปลง” ผศ.ดร.ธรณ์ บอกทีเอ็นเอ็น
“ระดับหายนะมี 3 มหาสมุทร คือ แปซิฟิก แอตแลนติก อินเดีย ครบ 3 มหาสมุทร และประเทศหลายสิบประเทศ กว่า 50 ประเทศเป็นหายนะ ตอนเขานับ 50 ประเทศ ยังไม่รวมประเทศไทยด้วยซ้ำ ผมคิดว่า 60-70 ประเทศด้วยซ้ำ และได้ประกาศหายนะแล้ว ปะการังเกิน 50% ของทั้งโลกที่ฟอกขาวแล้ว”
“ไม่เหลือปะการังเลย เกาะสุรินทร์ที่เคยฟอกขาวปี 2553 ใช้เวลา 14 ปี กลับมาปี 2567 กลับมาเกือบเท่าเดิม ถ้ามันเกิดฟอกขาวใหม่ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว 15 ปีฟอกขาว ฟื้นตัว 15 ปี กลับไปฟอกขาวใหม่ แล้วเวลาไหนที่จะกลับไปเหมือนเดิม เพราะปัญหาเหล่านี้มันเกิดเป็นวงกลม และมันถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ครั้งต่อไปสุรินทร์อาจไม่รอ 15 ปีฟอกขาว อาจเหลือ 7 ปี” เขาเสริม
นักวิทยาศาสตร์ทำนายว่า หากอุณหภูมิโลกและอุณหภูมิน้ำทะเลยังเพิ่มขึ้นเช่นนี้ต่อไป โลกจะร้อนขึ้น 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม ภายในปี 2593 และเมื่อถึงวันนั้น แนวปะการัง 99% ของโลกจะล้มตาย นั่นจะเป็นการล้างบางระบบนิเวศอย่างแท้จริง