SCC หยวนต้า หั่นกำไรปี 67-68 ลง แนะลงทุนระยะยาวให้เป้า 310 บาท
#SCC #ทันหุ้น-บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC โดยได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2567-2568 ลง 15% และ 19% เป็น 1.6 หมื่นล้านบาท และ 2.3 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ เพราะได้มีการปรับสมมติฐานหลักให้รัดกุมมากขึ้น ได้แก่ปรับผลการดำเนินธุรกิจบรรจุภัณฑ์ลงให้สอดคล้องกับประมาณการของ SCGP ในช่วงก่อนหน้า, ปรับ Spread HDPE –Naphtha ลง 3-7% เป็น US$360-410/ตัน และปรับปริมาณขายปิโตรเคมีลง 10-13% โดยหากไตรมาส 2/67 เป็นไปตามคาด จะคิดเป็น 33% ของคาดการณ์กำไรทั้งปีของฝ่ายวิจัย
ฝ่ายวิจัยหยวนต้า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ของ SCC จะอยู่ที่ 3.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% QoQ แต่ลดลง 63% YoY ซึ่งกำไรที่ฟื้นตัวเมื่อเทียบ QoQ จากการบันทึกรายได้เงินปันผลรับจากการลงทุนโดยเฉพาะค่ายยานยนต์เพิ่มขึ้นราว 1 พันล้านบาทตามปัจจัยฤดูกาล และการฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมีหลังโรงงาน ROC ผ่านช่วงปิดซ่อมบำรุง(กลับมาผลิตปลายเดือน มี.ค.) ทำให้ปริมาณขายปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น อนกจากนี้อัตรากำไรยังฟื้นตัว จากผลิตภัณฑ์ Polyolefins (Spread HDPE และ PP ปรับขึ้นเฉลี่ย +3% QoQ) และ Vinyl Chain (Spread PVC +20% QoQ) หลังอุปสงค์เริ่มฟื้นตัว และอุปทานวัตถุดิบ EDC ในตะวันออกกลางทยอยกลับมาเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมผลประกอบการไม่เด่นเนื่องจาก Spread ปิโตรเคมียังอยู่ระดับต่ำกดดันจากปัญหาขนส่งแพง, ธุรกิจวัสดุก่อสร้างชะลอตัวตามปัจจัยฤดูกาล, ขาดทุนสินค้าคงคลังตามทิศทางราคาวัตถุดิบ Naphtha ราว 250 ล้านบาท, การบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไฟไหม้ถังเก็บสารเคมีประมาณ 250 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มผลดำเนินงานในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะฟื้นตัวเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก โดยผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างมีปัจจัยหนุนจากการอนุมัติงบประมาณภาครัฐตั้งแต่เดือนเม.ย. และจะเร่งเบิกจ่ายตั้งแต่เดือนมิ.ย. เป็นต้นไป, อัตรากำไรสูงขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนใช้เชื้อเพลิงทางเลือก และการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ Low Carbon Cement, การทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค ส่วนอัตรากำไรของปิโตรเคมีจะทยอยเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาดที่ฟื้นตัวหลังอุปทานใหม่ชะลอลง ท่ามกลางอุปสงค์ฟื้นตัว โดยมี Upside หากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลาย และค่าขนส่งกลับสู่ภาวะปกติ
กลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัยให้ราคาเหมาะสมหุ้น SCC ที่ 310 บาท โดยยังคงคำแนะนำซื้อสำหรับลงทุนระยะยาว อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของราคาหุ้นในระยะสั้นยังจำกัด เพราะผลประกอบการไตรมาส 2/67 และเงินปันผลงวดปี 2567 ยังไม่น่าสนใจ (คาด Yield 2.4%) รวมทั้งหุ้นยังมีความเสี่ยงถูกตลาดปรับลดประมาณการ