รีเซต

คนกรุงเจอ 'ฝาชีครอบ' สำลักฝุ่นจิ๋วต่ออีก 2-3 วัน รัฐวอนลดขับรถยนต์ หันไปใช้รถไฟฟ้าแทน

คนกรุงเจอ 'ฝาชีครอบ' สำลักฝุ่นจิ๋วต่ออีก 2-3 วัน รัฐวอนลดขับรถยนต์ หันไปใช้รถไฟฟ้าแทน
มติชน
15 ธันวาคม 2563 ( 08:54 )
51
คนกรุงเจอ 'ฝาชีครอบ' สำลักฝุ่นจิ๋วต่ออีก 2-3 วัน รัฐวอนลดขับรถยนต์ หันไปใช้รถไฟฟ้าแทน

วันที่ 15 ธันวาคม คนกรุงเทพฯและปริมณฑลเจอภาวะฝาชีครอบ ต้องทนสำลักฝุ่นจิ๋วต่อ 2-3 วัน รัฐบาลและหน่วยงาน หลังจากวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมาสภาพอากาศในกรุงเทพฯมีปริมาณพีเอ็ม 2.5 เกินมาตรฐานหลายพื้นที่ เสี่ยงที่จะกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

 

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ระบุว่า ช่วงนี้ของทุกปีประเทศไทยจะเข้าสู่วังวนปัญหาฝุ่นละอองเล็ก PM 10 และ PM 2.5 ปกคลุมทั่วท้องฟ้า ซึ่งเกิดจากไอเสียรถยนต์ การเผาขยะเผาเศษวัสดุภาคเกษตรกรรม และควันจากโรงงานอุตสาหกรรม ประกอบกับสภาพอากาศปิด ไม่มีลม เป็นสิ่งที่เราต้องประสบกันมานาน เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน และทุกรัฐบาลก็พยายามแก้ไข ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ยังถือเป็นปัญหาระดับโลกที่ต้องร่วมมือกันอีกด้วย

 

“ที่ผ่านมาได้มีการหารือ ทำความเข้าใจ และรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกส่วนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะการแก้ไขจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกภาคส่วน รวมถึงการขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน และการปรับปรุงข้อกฎหมายให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ยั่งยืน เราทุกคนสามารถช่วยลดปัญหาได้ที่ต้นตอด้วยตนเอง เช่น งดการเผาวัชพืชหรือขยะในที่โล่งแจ้ง หมั่นตรวจเช็คสภาพรถเก่าอยู่เสมอ โดยภาครัฐก็จะเคร่งครัดและเพิ่มการตรวจแหล่งเกิดฝุ่นควัน และควันดำในหลายจุดทั่วทุกพื้นที่ สำหรับใครที่จำเป็นต้องออกนอกอาคาร อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยป้องกันฝุ่นและป้องกันโควิด-19 ไปด้วยนะครับ #รวมไทยสร้างชาติ”

 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกฯ ในฐานะประธานอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กล่าวว่า จากการประชุมศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ ติดตามสถานการณ์ฝุ่นพิษทั่วกรุงเทพฯ พบว่าในช่วง 4 วันนี้ ตั้งแต่วันที่ 14-17 ธันวาคม สภาพทางอุตุนิยมวิทยามีข้อจำกัดในเรื่องการหมุนเวียนของอากาศ โดยเฉพาะความกดอากาศ ลม การยกตัวของมวลอากาศจะมีข้อจำกัดมาก ทำให้อากาศในกรุงเทพฯและปริมณฑลมีความนิ่ง

 

“ดังนั้น มลพิษทางอากาศจากแหล่งกำเนิดต่างๆ เช่น รถยนต์ รถบรรทุก การเผาในที่โล่งโดยรอบกรุงเทพฯ ทำให้เหมือนกับกรุงเทพฯมีฝาชีครอบอยู่ จนมีมลพิษทางอากาศในบางจุดที่สูงมาก” นายธีรภัทรกล่าว

นายธีรภัทรกล่าวว่า จึงประสานงานแจ้งไปทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ขอความร่วมมือกรมการขนส่งทางบก กทม. กรมควบคุมมลพิษ ช่วยกันตรวจสอบรถควันดำ โดยเฉพาะรถบรรทุกเล็ก และรถบรรทุกใหญ่ที่ใช้น้ำมันดีเซล เพื่อแจ้งเตือนและตรวจจับ ตามสถิติพบว่าใน 100 คัน พบถึง 46 คัน ที่ไม่บำรุงรักษาเครื่องยนต์ ทำให้เกิดควันดำ และมีการวางแผนจะตรวจรถควันดำ ทั้งรถบรรทุกเล็ก รถบรรทุกใหญ่ รถขนส่งต่างๆ โดยจะตรวจทุกวัน ยาวไปอีก 6 เดือนข้างหน้า

 

นายธีรภัทรกล่าวว่า จากการตรวจแอพพลิเคชั่น Air4Thai ที่สำรวจทั่วกรุงเทพฯพบว่าจุดที่มีสภาพพีเอ็ม2.5 หรือฝุ่นพิษค่อนข้างสูงนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณสี่แยก สามแยก จุดกลับรถ จุดที่มีปริมาณรถสะสมมาก จึงประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กทม.ช่วยทำให้เกิดการไหลลื่น ของรถให้เร็วขึ้น ไม่ให้มาจอดนิ่งจนทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ อีกทางหนึ่ง ประสานไปที่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจกับเกษตรกรในพื้นที่ที่อยู่โดยรอบกรุงเทพฯที่มีการเผาเศษวัชพืชในที่โล่งจนทำให้อากาศบางส่วนเกิดหมอกควันเข้ามาอยู่ในพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯด้วย จึงขอความร่วมมือจากเกษตรกรงดการเผาจนถึงวันที่ 17 ธันวาคม

 

“ขอความร่วมมือประชาชนที่จะเดินทางให้ใช้รถสาธารณะมากขึ้น โดยเฉพาะรถไฟฟ้า และเมื่ออยู่ในที่โล่งด้านนอกอาคารขอให้สวมใส่หน้ากากอนามัย กรุงเทพฯจะเป็นฝาชีอยู่อย่างนี้ประมาณ 2-3 วันแล้วจะมีลมเข้ามาช่วย แล้วอีกสักพักหนึ่งก็จะเป็นอย่างนี้อีก เป็นช่วงๆ อย่างนี้ ซึ่งเป็นปกติของช่วงฤดูหนาว” นายธีรภัทรกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง