รีเซต

บลจ.กสิกรไทย ปี67ดีเกินคาด เป้าหมายกวาดเพิ่ม2ล้านล.บ.

บลจ.กสิกรไทย ปี67ดีเกินคาด เป้าหมายกวาดเพิ่ม2ล้านล.บ.
ทันหุ้น
23 ธันวาคม 2567 ( 23:07 )
1

#บลจ.กสิกรไทย #ทันหุ้น บลจ.กสิกรไทย เปิดแผนปี 2568 จัดเต็ม แนวคิด Core & Satellite Portfolioชูกลุ่มกองทุน K-WealthPLUS Series เป้าหมาย AUM 2 ล้านล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ปี 2567 เม็ดเงินลงทุนใหม่ดีเกินคาด เข้ามา แสนล้านบาท ดันAUM แตะ 1.7 ล้านล้านบาท


นายวิน พรหมแพทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า ปีนี้ธุรกิจบริหารจัดการกองทุนของบริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้ดี เนื่องจากมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาใหม่ถึง 1 แสนล้านบาท สะท้อนว่าบริษัทสามารถสร้างโอกาสการเติบโตได้สูง แม้ปัจจุบันจะมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารระดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรมแล้วก็ตาม โดยเม็ดเงินลงทุนใหม่1 แสนล้านบาทนั้น ราว 1 ใน 3 หรือราว 3 หมื่นล้านบาท มาจากเม็ดเงินลงทุนในกองทุน K-WealthPLUS Series


“ทั้งนี้จากฐานที่ใหญ่ทำให้การเติบโตในระดับสูงนับเป็นความท้าทาย แต่ บลจ.ก็สามารถทำได้ในปีนี้ ที่ 1 แสนล้านบาท นับเป็นการเติบโตสูงที่สุดนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทขึ้นมา โดยคาดว่า สินทรัพย์ภายใต้บริหาร หรือAUMของเราปีนี้จะแตะที่ระดับ 1.7 ล้านล้านบาทและในอีก 3 ปีข้างหน้า (2568-2570) เป้าหมายขยับ AUM ขึ้นเป็น 2 ล้านล้านบาท โดยมี”


นายวิน กล่าวว่า สำหรับแผนงานในปี 2567 จากความสำเร็จในการแนะนำจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงตาม Core & Satellite Portfolio คือ จัดเป็นพอร์ตหลัก และพอร์ตรอง แบบกองทุน K-WealthPLUS Seriesส่งผลให้จะขยายแนวคิดดังกล่าวไปยังกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ที่มีฐานลูกค้าอยู่ราว 5 แสนคนด้วย เพื่อให้ลูกค้าของบริษัทได้มีการวางแผนได้อย่างเป็นระบบ สามารถลงทุนได้อย่างสมูท ไม่หวือหวา คือผลตอบแทนขาขึ้นอาจไม่ร้อนแรง แต่เวลาตลาดปรับตัวลงก็ไม่เจ็บหนัก


ซึ่งลูกค้า PVD ของ บลจ.กสิกรไทย ส่วนใหญ่ยังลงทุนในไทยเป็นหลัก ทั้งกองทุนหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทย ขณะที่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศทำผลงานได้ดีกว่า ดังนั้น จึงอยากให้แนวคิดการจัดพอร์ต Core & Satellite Portfolio ได้สร่งโอกาสให้กับลูกค้า PVD ของ บลจ.กสิกรไทย


นายวิน กล่าวอีกว่า ปัจจุบันฐานลูกค้าราว 1 ล้านราย ลงทุนใน K-WealthPLUS Seriesเพียงแค่ 10%เท่านั้น ซึ่งในปี 2568 หนึ่งในเป้าหมายที่เราจะทำก็คือการเพิ่มสัดส่วนลงทุนในลักษณะ Core & Satellite Portfolio นอกจากนี้ก็มีแผนจะออกกองทุนในคลาส (Class) ที่เป็นสกุลเงินอื่น ๆ เช่น สกุลเงินดอลลาร์ สกุลเงินยูโร เป็นต้น


นอกจากนี้ ยังมีแนวทางในการเพิ่มโปรดักทิวิตี้ (productivity) ขององค์กร กล่าวคือไม่เพิ่มจำนวนคน แต่เพิ่มผลผลิตขององค์กรให้สามารถเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทั้งการนำหุ้นยนต์ Robotic หรือ ปัญญาประดิษ AI เข้ามาช่วยในการดำเนินงาน ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ อย่างบลจ.ชั้นนำระดับโลก J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) ในการพัฒนา ต่อยอดความรู้ ให้กับพนักงานของบลจ.กสิกรไทยได้เรียนรู้ถึงเครื่องมือต่าง ๆ ในการการคิดวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจลงทุน หรือการปรับพอร์ตลงทุนในแต่ละครั้ง


“ปัจจุบันเรามีพนักงานราว 300 คน ในจำนวนนี้เราจะรักษาไว้ จะไม่เพิ่มจำนวนคน แต่ โปรดักทิวิตี้จะต้องเพิ่มขึ้น”


ส่วนภาพร่วมตลาดหุ้นไทย มองว่าปีนี้ดัชนี้ปีนี้ไม่ถึง 1,400 จุด ส่วนปี 2568 จากที่ทมองไว้ 1,600 จุด อก็มีการปรับใหม่เป็นดัชนี 1,500-1,550 จุด คาดราคาเฉลี่ยต่อหุ้นอยู่ที่ 95บาท ด้านกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) คาดโตที่ 5-7% สำหรับพอร์ตลงทุน มองหุ้นสหรัฐยังคงเป้นพอร์ตหลักของปี 2568 เนื่องจากเศรฐกิจยังคงเติบโตได้ดี การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายที่ปนุนให้ต้นทุนการเงินของ บรัทมจดทะเบียนปรับลดลง ขณะที่นโยบายของทรัมป์ก็เอื้อต่อภาคธุรกิจ ส่วนพอร์ตลอง แนะนำ สินทรัพย์ทางเลือกอย่างอสังหา รวมถึงหุ้นเวียดนาม เป็นต้น

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง