รีเซต

"บิ๊กตู่" ห่วงเปิดผับ-บาร์-คาราโอเกะ ศบค.ขอให้เชื่อใจ "ไทยชนะ" ย้ำข้อมูลเป็นความลับ

"บิ๊กตู่" ห่วงเปิดผับ-บาร์-คาราโอเกะ ศบค.ขอให้เชื่อใจ "ไทยชนะ" ย้ำข้อมูลเป็นความลับ
มติชน
3 กรกฎาคม 2563 ( 13:22 )
121
“บิ๊กตู่” ห่วงเปิดผับ-บาร์-คาราโอเกะ ศบค.ขอให้เชื่อใจ “ไทยชนะ” ย้ำข้อมูลเป็นความลับ

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) กล่าวระหว่างแถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า สำหรับการใช้งานแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” มีข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พบ ผู้ใช้งาน 33,275,657 คน ลงทะเบียนร้านค้า 259,260 ร้าน โดยสัดส่วนการเช็กอิน/เช็กเอ้าท์ ผ่านแพลตฟอร์มร้อยละ 54.2 และผ่านแอพพิเคชั่น ร้อยละ 84.9 ทั้งนี้การใช้งานไทยชนะมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ประกอบการควรจะต้องมีการทะเบียนที่มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจว่าหากมีการติดเชื้อจะมีการครอบคลุมข้อมูลที่มากที่สุด

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การตรวจกิจการ/กิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ได้เน้นย้ำอย่างมาก เนื่องจากมีการเปิดกิจการ/กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงมาก มีการตรวจพบว่า สถานบริการ/สถานบันเทิง ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือดีมาก แต่ยังมีบางแห่งที่ยังมีการเสิร์ฟเหล้าบ่อย ซึ่งเกิดการสัมผัสที่บ่อยขึ้น ร้อยละ 3 ไม่มีการใช้แอพพ์ฯ ไทยชนะ และหลังจากนี้จะต้องเพิ่มความเข้มในการตรวจมากขึ้น ผู้ประกอบการสามารถขอดูได้ว่าผู้ที่เข้าไปตรวจนั้น มีการติดตั้งแอพพลิเคชั่นผู้พิทักษ์ไทยชนะหรือไม่ เพื่อป้องกันการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่

“เกือบทุกประเทศที่มีการระบาดรอบที่ 2 มีผับ บาร์ คาราโอเกะ เป็นต้นตอ เราผ่อนคลายให้ท่าน และหวังว่าท่านเองจะให้ความร่วมมือ ต่างคนต่างได้ ท่านได้เปิดกิจการกิจกรรม ผู้ต้องการไปสังสรรค์ก็มีโอกาสไป แต่จะต้องเที่ยวอย่างปลอดภัย เพื่อไม่ให้มีการปิดกิจการเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 หากท่านทำได้อย่างดี ก็จะเข้าสู่ระยะที่ 6 และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติ การเข้าไปตรวจผับ-บาร์ คาราโอเกะ ให้มีการให้ความร่วมมือที่ดีจนเป็นเรื่องปกติ และส่วนของชุดข้อมูลในไทยชนะ หากไม่มีการติดโรคหรือติดโรค ทุกอย่างก็จะเป็นความลับ และขอให้ระมัดระวังเรื่องของการใช้แก้วร่วมกัน บุหรี่ หรือการตักอาหารร่วมกัน เพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อ” โฆษก ศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในเรื่องของการเปิดเรียนนั้น ที่จะต้องสลับชั่วโมงเรียน หรือ แบ่งกลุ่มนักเรียนออกโดยให้ครูเข้ามาสอน เป็น 2 ครั้งนั้น โดยมีความเป็นห่วงว่าจะเป็นการเพิ่มภาระให้แก่ครูผู้สอน ต้องเรียนว่าขณะนี้ยังไม่สามารถให้กลับมาเรียนได้เป็นปกติ เนื่องจากเพิ่งเริ่มเปิดการเปิดเทอม โดยมาตรการที่ใช้สำหรับโรงเรียนเป็นมาตรการสากลที่ใช้ป้องกันการระบาด และจะต้องให้เด็กรับทราบว่าจะต้องมีการปรับตัว โดยผู้สอนอาจจะมีความเหนื่อยมากขึ้น แต่ในขณะนี้เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าไปไกล อาจจะมีการใช้โทรศัพท์ หรือการเรียนที่มีผู้ปกครองเป็นครูพี่เลี้ยงที่บ้าน การใช้คอมพิวเตอร์ในการดูสื่อการสอนออนไลน์ ซึ่งเป็นแนวทางของชีวิตวิถีใหม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง