ศบค.กทม.ถกวันนี้ถอดหน้ากาก "ชัชชาติ" ลุยป้องโกง
วันที่ 7 มิถุนายน ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กรุงเทพมหานคร(ศบค.กทม.) นัดประชุมพิจารณาเรื่องการถอดหน้ากากอนามัยในที่โล่งแจ้ง ก่อนจะเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ต่อไป ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) สั่งให้เร่งจัดทำงบประมาณและป้องกันการทุจริต รวมทั้งเร่งบำบัดน้ำเสีย
โดยเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการ กทม.(ดินแดง) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.เป็นครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.
นายชัชชาติแถลงว่า มีการประชุม 4 เรื่อง คือ 1.เรื่องสถานการณ์โควิด-19 จากการดูตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อ อัตราการครองเตียงพบว่าสถานการณ์ดีขึ้น คิดว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว เรื่องการถอดหน้ากากอนามัยออก แต่ต้องรอหารือในที่ประชุมศบค.กทม. เพื่อพิจารณาก่อนเสนอไปยัง ศบค.ชุดใหญ่ เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวต่อว่า 2.เรื่องงบประมาณ เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดทำงบประมาณ ประจำปี 2566 ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้าเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมสภา กทม.พิจารณาให้ความเห็นชอบ 3.เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น มอบหมายให้ทุกหน่วยงานไปสำรวจจุดอ่อนและช่องโหว่ พร้อมเสนอแนวทางป้องกัน ก่อนรวบรวมเพื่อจัดทำเป็นแผนต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ภายใน 1 สัปดาห์ ตามนโยบายงบประมาณฐานศูนย์ Zero-Based Budgeting จะทบทวนโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก
หรือบางโครงการที่เร่งรัดในการเบิกจ่ายงบประมาณ แต่ผลงานไม่มีความคืบหน้า เช่น การปรับปรุงสวนลุมพินี ปรับปรุงภูมิทัศน์สวนคลองช่องนนทรีว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่ โครงการดังกล่าวแบ่งการก่อสร้างออกเป็นหลายเฟส โดยเฟสที่ดำเนินการไปแล้วจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จ ส่วนเฟสที่เหลือจะต้องไปทบทวนความคุ้มค่าและความเหมาะสมกับการใช้งบประมาณอีกครั้ง
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า 4.เรื่องการบำบัดน้ำเสีย พบว่าหลายชุมชนปล่อยน้ำเสียลงคลอง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปสำรวจเพื่อจัดทำแผนบำบัดน้ำเสียในชุมชน สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องรอโครงการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียให้แล้วเสร็จถึง 11 ปี ที่ใช้งบหลายหมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีการดำเนินการแล้วที่คลองลาดพร้าว จึงให้ไปทำแผนให้ชัดเจนที่คลองเปรมประชากรและคลองแสนแสบด้วยว่าจะทำกี่ชุมชนและกี่จุด เพื่อสรุปอีกครั้ง
บิ๊กป๊อกเปิดประชุมสภากทม.
ต่อมา ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ นายชัชชาติเข้าร่วมหารือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) (ACT) โดยมีนายวิเชียร พงศธร ประธาน และนายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการ ACT ให้การต้อนรับ
นายชัชชาติ กล่าวว่า หลายคนมีความรู้สึกไม่ดีนักเรื่องความทุจริตความไม่โปร่งใส สิ่งที่ต้องทำจากนี้คือการสร้างความเชื่อมั่นและไว้ใจให้กลับคืนมา การร่วมมือกับ ACT จะทำให้เราเดินไปอย่างมั่นใจและถูกทางมากขึ้น มีเรื่องใหญ่ ทั้งข้อตกลงทางคุณธรรมของ 3 ฝ่ายทั้ง กทม. เอกชน และฝ่ายสังเกตการณ์อย่าง ACT รวมถึงการตั้งคณะกรรมการในการขอใบอนุญาต การคำนวณภาษีต่างๆ ที่สามารถปรับปรุงให้โปร่งใสขึ้นได้ ต้องดูหมด ทั้งเรื่องเทศกิจ หาบเร่แผงลอย ต้องดูให้ครบถ้วน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว มีการหารือร่วมกันอย่างไร นายชัชชาติกล่าวว่า ทาง ACT เป็นส่วนหนึ่งที่จะมาหารือร่วมกัน เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ที่กำลังมาในอนาคตด้วย
เมื่อถามว่า ต้องตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาใหม่หรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า จะมีคณะทำงานที่ดูทุกเรื่อง เป็นรองผู้ว่าฯ 1 ท่าน ประธานที่ปรึกษา และปลัด กทม. ส่วน ACT จะตั้งกลุ่มมาทำงานร่วมกัน ประชุมทุกเดือนเพื่อติดตามความก้าวหน้า รถไฟฟ้าสายสีเขียวก็เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการ อาจมีหน่วยงานอื่นมาช่วยวิจัยและให้ข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนโครงการอื่นที่ค้างอยู่ ก็เช่น โครงการกำจัดขยะ มีจุดไหนที่จะนำมาเป็นบทเรียนสำหรับอนาคตได้หรือไม่ หรือกระบวนการขอใบอนุญาตต่างๆ การอำนวยความสะดวกอยู่ในข้อที่ต้องปฏิบัติ รวมถึงการเปิดเผยเรื่องการคิดภาษีที่ต้องทำให้โปร่งใสมากขึ้นว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติ ACT มีฐานข้อมูลเยอะ ถ้ารวมกันแล้ว จะทำให้โปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากขึ้น