รีเซต

จุรินทร์ สั่งขยายการค้าบุกตลาด 'ฮาลาล' เตรียม 7 แผนปี'65 ลุยซาอุฯ

จุรินทร์ สั่งขยายการค้าบุกตลาด 'ฮาลาล' เตรียม 7 แผนปี'65 ลุยซาอุฯ
มติชน
31 มกราคม 2565 ( 10:44 )
67
จุรินทร์ สั่งขยายการค้าบุกตลาด 'ฮาลาล' เตรียม 7 แผนปี'65 ลุยซาอุฯ

จุรินทร์ สั่งขยายการค้าบุกตลาด ‘ฮาลาล’ เตรียม 7 แผนปี’65 ลุยซาอุดีอาระเบีย ‘มัลลิกา’ มั่นใจ Saudi Vision 2030 เป็นโอกาสนักลงทุนและสินค้าไทย

 

ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีบัญชาให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศวิเคราะห์สถานการณ์การค้าของไทยกับซาอุดีอาระเบีย หากมีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน สืบเนื่องจากการเยือนของนายกรัฐมนตรีระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม 2565 ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมารรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย

 

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ข้อวิเคราะห์และรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจดดาห์ ระบุว่า เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมารรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย เป็นมกุฎราชกุมารและเป็นว่าที่กษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบียองค์ต่อไป ทั้งยังเป็นผู้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ Saudi Vision 2030 ที่ใช้ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศซาอุฯ

 

นางมัลลิกากล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีประเทศไทยมีโอกาสเข้าเฝ้าหารือกับเจ้าชายนั้น ทำให้เป็นโอกาสที่ซาอุฯจะฟื้นความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้เกิดความคล่องตัวในหลายด้าน เช่น การผ่อนปรนการเข้าออกประเทศ การผ่อนปรนมาตรการทางการค้า การสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยเพิ่มขึ้น การร่วมลงทุนและการนำแรงงานฝีมือจากประเทศไทยเข้าไปทำงานในซาอุดิอาระเบีย

 

“ส่วนแผนงานและกิจกรรมที่กระทรวงพาณิชย์ โดยส่งเสริมการค้าระหว่างไทย วางแผนตามนโยบายและยุทธศาสตร์ของนายจุรินทร์กับซาอุฯมีทั้ง 1.การจัดกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้ด้านการตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคเปิดกว้างทางวัฒนธรรมของซาอุฯภายใต้ยุทธศาสตร์ Saudi Vision 2030 2.การจัดคณะผู้แทนการค้านักธุรกิจทั้งจากไทยไปซาอุฯและจากซาอุฯมาเยือนประเทศไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายระหว่างกัน 3.การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในซาอุฯ เช่น ข้าว อาหารฮาลาลและผลไม้ เป็นต้น เพื่อให้สินค้าได้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภค มากยิ่งขึ้น

 

“4.การเชิญผู้ประกอบการไทยร่วมงานแสดงสินค้าในซาอุฯ เช่น งานแสดงสินค้าอาหารและสินค้าฮาลาล Saudi Food Expo 5.การประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าอาหารสินค้าฮาลาลผ่านช่องทางออนไลน์ 6.การเชิญผู้นำจากซาอุฯร่วมเจรจาการค้าผ่านออนไลน์ Online business Matching 7.การเชิญผู้นำจากประเทศซาอุฯร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติของไทย ทั้งรูปแบบปกติ หรือรูปแบบไฮบริด และรูปแบบออนไลน์” นางมัลลิกากล่าว

 

นางมัลลิกากล่าวว่า 7 แผนงานนี้จะมีขึ้นในปี 2565 ให้ติดตามความเคลื่อนไหวจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และอยากแนะนำให้ติดตามข่าวสารโดยผ่านทุกช่องทางของกระทรวง ผู้ประกอบการที่สนใจจะได้โอกาสและไม่พลาดตลาดสำคัญอีกแห่งหนึ่งนี้ ทั้งนี้ ทางผู้ประกอบการเดิมและผู้ประกอบการรายใหม่ รวมทั้งผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีการอบรมกันไปแล้วอย่างต่อเนื่องตามนโยบายรองนายกฯจุรินทร์ และที่สำคัญในสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาเราเข้าใจผู้ที่ขาดสภาพคล่องการลงทุน ดังนั้น ทางรองนายกฯจุรินทร์และกระทรวงพาณิชย์ทำการส่งเสริมท่านด้วยโครงการกู้เพื่อส่งออกโดยตรงผ่าน Exim Bamk ที่เน้นกลุ่ม SMEs เพิ่มขึ้นด้วย

 

ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุด้วยว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดการค้าที่มีโอกาสเติบโต โดยนโยบายรองนายกฯจุรินทร์ได้โฟกัสตลาดนี้เพิ่มเติมตั้งแต่ต้น เพราะนอกจากประเทศซาอุฯแล้ว ยังเป็นประตูการค้านำสู่อีกหลายประเทศในภูมิภาคและนโยบายใหม่ของประเทศซาอุฯเขาต้องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโดยเพิ่มภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการ ภาคการร่วมลงทุน ทำให้มีความต้องการนำเข้าสินค้าและกำลังการผลิตจำนวนมาก นั่นจึงเป็นโอกาสของประเทศไทย โดยการร่วมลงทุนปัจจุบันมีนักธุรกิจทั้งสองประเทศสนใจที่จะร่วมลงทุนระหว่างกันประกอบกับนโยบายใหม่ Saudi Vision 2030 ที่เน้นเพิ่มการลงทุนโดยซาอุดีอาระเบียมีความต้องการความเชี่ยวชาญการลงทุนจากไทยในด้านการทำฟาร์มและเน้นเลี้ยงกุ้ง ปลา ไก่ การทำธุรกิจโรงพยาบาล โรงแรม ร้านอาหาร กิจการแฟรนไชส์ ขณะเดียวกันนักธุรกิจซาอุดีอาระเบียก็สนใจร่วมลงทุนในประเทศไทยเราทางด้านกิจการที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหาร พลังงาน และเมืองแร่ เช่นกัน

 

นางมัลลิกากล่าวว่าที่ผ่านมาการค้าระหว่างไทยกับซาอุฯในปี 2564 มีมูลค่า 7,301 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 31.8% แยกเป็น การส่งออก 1,638 ล้านเหรียญสหรัฐ และเรานำเข้ามา 5,662 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยคือรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ตู้เย็น-ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ เครื่องซักผ้า-เครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เม็ดพลาสติก ข้าวและผลิตภัณฑ์ พลาสติก อาหารสัตว์เลี้ยง กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ เป็นต้น และที่สำคัญประเทศเราก็ยังต้องนำเข้าสินค้าจากเขาคือน้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ ปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ น้ำมันสำเร็จรูป สินแร่โลหะอื่นๆ และเศษโลหะ เป็นต้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง