เพนตากอนไฟเขียวขาย F-35 ให้ซาอุดีอาระเบีย 48 ลำ

สำนักข่าวรอยเตอร์ส เปิดเผยวันนี้ (5 พฤศจิกายน) อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิด 2 คน ระบุว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้อนุมัติคำสั่งซื้อเครื่องบินรบ F-35 จำนวน 48 ลำจากซาอุดีอาระเบียแล้ว และขั้นตอนต่อไปจะเป็นการตัดสินใจของคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งยังไม่ได้มีการตัดสินใจในขั้นสุดท้าย และยังคงมีอีกหลายขั้นตอนที่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบก่อนที่จะอนุมัติคำสั่งซื้อดังกล่าวอย่างเป็นทางการ รวมถึงการอนุมัติในสภาคองเกรส และการลงนามโดยประธานธิบดีทรัมป์เองด้วย
การขายเครื่องบินรบชุดนี้ จะนับเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญของสหรัฐฯ ที่อาจนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจทางการทหารในตะวันออกกลาง
ก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบียได้ขอสั่งซื้อเครื่องบินรบโดยตรงไปยังประธานาธิบดีทรัมป์ และมีความสนใจต่อเครื่องบินรบของล็อกฮีด มาร์ตินอย่างมาก แต่ไม่เคยมีการเปิดเผยถึงจำนวนของการสั่งซื้อ จนกระทั่งในวันนี้
อย่างไรก็ตาม เพนตากอน, ทำเนียบขาว และกระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ ขณะที่โฆษกล็อกฮีด มาร์ติน ระบุเพียงว่า การขายยุทโธปกรณ์นี้ เป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐ จึงจะดีกว่าหากวอชิงตันเป็นผู้แสดงความเห็น
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ลังเลใจที่จะขายอาวุธให้กับประเทศในตะวันออกกลาง โดยคำนึงถึงความมั่นใจว่าอิสราเอลจะยังคงรักษา “ความได้เปรียบทางทหารเชิงคุณภาพ” อยู่เสมอ ซึ่งหมายถึงว่า การรับประกันว่าอิสราเอลจะได้รับอาวุธที่ล้ำสมัยจากสหรัฐฯ มากกว่าประเทศใด ๆ ในอาหรับ
สำหรับเครื่องบินรบ F-35 สร้างด้วยเทคโนโลยีสเตลธ์ (stealth) ที่จะทำให้หลบเลี่ยงการตรวจจับจากฝ่ายศัตรูได้ และได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องบินรบที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกในเวลานี้ ซึ่งอิสราเอลใช้ F-35 นี้มานานเกือบทศวรรษแล้ว โดยมีฝูงบินหลายฝูง อีกทั้งยังเป็นประเทศในตะวันออกกลางเพียงแห่งเดียวที่มีระบบอาวุธดังกล่าว
ขณะที่ซาอุดีอาระเบีย นับเป็นลูกค้าอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐฯ และต้องการซื้อเครื่องบินรบมานานหลายปีแล้ว เพื่อหวังยกระดับกองทัพอากาศ และรับมือกับภัยคุกคามในภูมิภาค โดยเฉพาะจากอิหร่าน โดยคำสั่งครั้งนี้มีขึ้นหลงัจากที่คณะทำงานของทรัมป์เปิดทางที่จะเสริมความร่วมมือด้านกลาโหมกับซาอุดีอาระเบียมากขึ้น
ขณะที่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ระหว่างที่ทรัมป์เยือนซาอุดีอาระเบีย เขาสามารถขายอาวุธให้ซาอุดีอาระเบียเกือบ 142,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.5 ล้านล้านบาท) ซึ่งนี่คือข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมที่ใหญ่ที่สุดที่สหรัฐฯ เคยทำมา
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
