ทรัมป์ต้อนรับเจ้าชายซาอุดีอาระเบีย เตรียมขายเครื่องบินรบ F-35

ในการเยือนทำเนียบขาวครั้งแรกในรอบกว่าเจ็ดปีของเจ้าชายบิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบียได้รับการต้อนรับด้วยพิธีการอันยิ่งใหญ่ภายใต้การกำกับของทรัมป์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือกันเกี่ยวกับความร่วมมือด้านความมั่นคง การใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ และข้อตกลงทางธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์กับซาอุดีอาระเบีย แต่ไม่น่าจะมีความคืบหน้าสำคัญเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระดับปกติระหว่างซาอุดีอาระเบีย กับอิสราเอล

สหรัฐฯ และซาอุฯ คาดว่าจะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการขายอาวุธ ความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์พลเรือน และการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ของสหรัฐฯ 

ทรัมป์ยังบอกกับนักข่าวที่ทำเนียบขาวว่า “สหรัฐฯจะขาย” เครื่องบินรบ F-35 ให้ซาอุฯ ซึ่งได้ยื่นขอซื้อเครื่องบินรุ่นล้ำสมัยนี้จำนวน 48 ลำ

นี่จะเป็นการขาย F-35 ให้ซาอุฯ ครั้งแรกของสหรัฐฯ และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญ ข้อตกลงนี้อาจส่งผลต่อดุลอำนาจทางทหารในตะวันออกกลาง เพราะจนถึงปัจจุบัน อิสราเอลเป็นประเทศเดียวในตะวันออกกลางที่มี F-35 ประจำการ แต่สหรัฐฯ ก็ตัดสินใจขาย F-35 ให้กับซาอุดีอาระเบียด้วย โดยทรัมป์บอกว่า ทั้งซาอุดีอาระเบียและสหรัฐฯ ต่างเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมของสหรัฐฯ จึงสมควรมีเครื่องบิน F-35 ไว้ประจำการ

การปูพรมแดงต้อนรับโดยทรัมป์ครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่มกุฎราชกุมาร ผู้ปกครองโดยพฤตินัยของซาอุฯ กำลังพยายามฟื้นฟูภาพลักษณ์ในเวทีโลกหลังเหตุสังหารนักข่าวชาวซาอุฯที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ จามาล คาช็อกกี ในปี 2018 และเสริมสร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับสหรัฐฯ

ทรัมป์ กล่าวว่า มกุฎราชกุมารบิน ซัลมาน “ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” เกี่ยวกับเหตุสังหารคาช็อกกี  ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ขัดแย้งกับข้อสรุปของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังปฏิเสธความเกี่ยวข้องใด ๆ กับธุรกิจครอบครัว ท่ามกลางคำถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน หาก Trump Organization ทำธุรกิจกับซาอุดีอาระเบียในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยระบุว่า เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของครอบครัว ขณะที่ Trump Organization และนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชาวซาอุฯ เตรียมเปิดโรงแรม Trump แห่งใหม่ในมัลดีฟส์