WHO คาด 'ดื้อยาต้านจุลชีพ' คร่าชีวิตในแปซิฟิกตะวันตก 5.2 ล้านราย

มะนิลา, 13 มิ.ย. (ซินหัว) -- วันอังคาร (13 มิ.ย.) องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ประชาชนในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกอาจเสียชีวิตจากการติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาราว 5.2 ล้านราย นับตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงสิ้นปี 2030รายงานผลกระทบทางสุขภาพและเศรษฐกิจของการดื้อยาต้านจุลชีพในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก ปี 2020-2030 ระบุว่าการดื้อยาต้านจุลชีพ (AMR) จะสร้างความเสียหายในภูมิภาคนี้รวม 1.48 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.11 ล้านล้านบาท) ระหว่างปี 2020-2030 ซึ่งคิดเป็นเกือบร้อยละ 10 ของงบประมาณสาธารณสุขทั้งหมดของภูมิภาคในปี 2019 เนื่องจากสูญเสียผลิตภาพและเกิดค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวกับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานานเพิ่มขึ้นมาองค์การฯ เตือนว่าการดื้อยาต้านจุลชีพที่ "ระบาดเงียบและคาบเกี่ยวถึงกัน" เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน และคุกคามความมั่นคงและการพัฒนาด้านสุขภาพของภูมิภาคในอนาคต โดยซูซานนา จาคาบ รักษาการผู้อำนวยการภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกขององค์การฯ กล่าวว่าชีวิตของผู้คนในศตวรรษที่ 21 ไม่ควรสั้นลงอย่างไม่จำเป็นเพราะการติดเชื้อทั่วไปที่ดื้อยารักษาที่มีอยู่จาคาบเน้นย้ำการเสริมสร้างระบบเฝ้าระวังการดื้อยาต้านจุลชีพระดับชาติ ลดการใช้ยาต้านจุลชีพที่ไม่เหมาะสมและไม่จำเป็น รวมถึงทำงานข้ามภาคส่วนเพื่อขยายการวิจัยและพัฒนายา วัคซีน และเครื่องมือวินิจฉัยใหม่ๆ เพื่อต่อสู้กับการดื้อยาต้านจุลชีพอนึ่ง การดื้อยาต้านจุลชีพเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และปรสิต เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาและไม่ตอบสนองต่อยาอีกต่อไป ทำให้เกิดการติดเชื้ออันยากต่อการรักษาและเพิ่มความเสี่ยงแพร่กระจายโรคและการเจ็บป่วยหนัก โดยยาปฏิชีวนะและยาต้านจุลชีพอื่นๆ จะใช้ไม่ได้ผล และการติดเชื้อจะรักษาได้ยากขึ้นหรือไม่สามารถรักษาได้