รีเซต

"ช็อกโกแลต" จะแพงจนกลายเป็นสินค้าหรู เหตุภาวะโลกเดือด!

"ช็อกโกแลต" จะแพงจนกลายเป็นสินค้าหรู เหตุภาวะโลกเดือด!
TNN ช่อง16
23 ธันวาคม 2568 ( 11:49 )
11

จากความผันผวนเกี่ยวกับผลผลิตโกโก้ ในช่วงที่ผ่านมา กำลังทำให้ผู้ผลิตอาหารและขนมหวานระดับโลกหลายราย หันไปใช้วัตถุดิบทางเลือกอื่นกันมากขึ้น Massimo Sabatini (มาสซิโม ซาบาตินี) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ ของ Foreverland เป็นสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีอาหาร สัญชาติอิตาลี ให้ข้อมูลกับ ซีเอ็นบีซี บอกว่า ผู้ผลิตขนมหวานระดับโลกกำลังลดใช้โก้โก้กันจำนวนมากขึ้น และอาจมากจนกลายเป็นเรื่องปกติที่จะได้เห็น ช็อกโกแลตเทียม ในผลิตภัณฑ์ราคาประหยัดมากขึ้น

ซึ่ง Foreverland เป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตช็อกโกแลตไร้โกโก้ (ไม่มีโกโก้) โดยใช้ ถั่วคาร็อบ (carob), เมล็ดฟักทอง และถั่วลูกไก่ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะและรสชาติคล้ายช็อกโกแลต เพื่อเป็นทางเลือก และจำหน่ายให้กับบริษัทที่ทำขนม เบเกอรี่ และไอศกรีม

เขาบอกอีกว่า ตลาดช็อกโกแลต มีสินค้ามากมาย ตั้งแต่ช็อกโกแลตแท่ง ไปจนถึงสินค้าที่ใช้โกโก้เป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น เช่น คุกกี้ ซีเรียลรสช็อกโกแลต และขนมอบเคลือบช็อกโกแลต เป็นต้น และคาดว่า ช็อกโกแลตทางเลือก จะเข้ามาแทนที่ตลาดขนมและของกินเล่นที่มีขนาดใหญ่นี้

ส่วน ช็อกโกแลตแท้ จะมีราคาสูงขึ้นและจะกลายเป็นสินค้าลักชัวรี ในแบบเดียวกันกับ ช็อกโกแลตดูไบ ที่ได้รับความนิยมจนเป็นกระแสโด่งดัง ซึ่งในรูปแบบแท่งบางชนิดสามารถขายได้ในราคาสูงกว่า 93 ดอลลาร์ ต่อกิโลกรัม และตลาดช็อกโกแลต กำลังมุ่งไปในทิศทางดังกล่าว 

ส่วน Jessica Karch (เจสสิกา คาร์ช) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท Planet A Foods จากเยอรมนี มีมุมมองที่คล้ายคลึงกัน บอกว่า โกโก้ทางเลือกจะแพร่หลายมากขึ้นในอนาคต จากความต้องการที่มีมากขึ้น และมีผลิตภัณฑ์ทางเลือกอื่น ๆ เข้ามาสู่ตลาดอีกหลายชนิด

ทั้งย้ำด้วยว่า ปัญหาในห่วงโซ่อุปทานโก้โก้จะไม่จบลงง่าย ๆ จึงคาดว่าราคาอาจจะยังทรงตัวในระดับสูง แต่จะไม่กลับไปถูกเหมือนในอดีต 

โดยบริษัท Planet A Foods เป็นผู้ผลิตช็อกโกแลตทางเลือกที่ทำจากเมล็ดทานตะวัน และบอกว่า บริษัทฯ ไม่ได้ต้องการมาแทนที่ ช็อกโกแลต แต่เห็นช่องว่างที่เพิ่มขึ้น เพราะในด้านหนึ่งนั้น ห่วงโซ่อุปทานจะยังมีปัญหาอยู่ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความต้องการกลับเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในจีนและอินเดีย และบริษัทฯ ต้องการเข้าไปเติมเต็มในช่องว่างนั้น 

ทั้งนี้ ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ผลผลิตทางการเกษตรที่ย่ำแย่ในประเทศ กานา และ โกตดิวิวร์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตโกโก้รายใหญ่ที่สุดของโลก ได้สร้างความเสียงหายต่อผลผลิตโกโก้ และส่งผลให้ราคาผันผวนเป็นอย่างมาก โดยเมื่อปลายปี 2024 ราคาโกโก้ พุ่งไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 12,000 ดอลลาร์ แต่แม้ว่าในปีนี้ (2025) ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ได้ลดลงมามากกว่าร้อยละ 50 แล้ว แต่สัญญาณการฟื้นตัวของผลผลิตยังไม่แน่นอนอยู่

ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมฯ ยังอยู่ในภาวะตึงตัว เห็นได้จากข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาด Circana และสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ ที่รายงานว่า ราคาช็อกโกแลตในปีนี้ พุ่งขึ้นไปแล้วถึงร้อยละ 30 และเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน ทำให้บริษัทผู้ผลิตขนม (ของกินเล่น) บางราย เลือกที่จะลดความเสี่ยงจากราคาโกโก้ ด้วยการปรับเปลี่ยนส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ของตน เช่น McVitie เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้ปรับเปลี่ยนส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์บิสกิตแท่งเคลือบช็อกโกแลต แบรนด์ Club และ Penguin หลังจากบริษัทแม่ Pladis ลดปริมาณโกโก้ลงเพื่อลดต้นทุน กลายเป็นกระแสฮือฮา และมีรายงานว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ไม่สามารถเรียกว่าเป็น ช็อกโกแลต ได้อีก และติดฉลากใหม่ว่า เป็นผลิตภัณฑ์ ตกแต่งกลิ่นช็อกโกแลต แทน

อย่างไรก็ดี นอกจากแรงกดดันด้านราคาแล้ว ผู้ผลิตช็อกโกแลตทางเลือก ทั้ง Foreverland และรายอื่น ๆ ยังให้ข้อมูลว่า ผลิตภัณฑ์ของตนเป็นทางออกสำหรับข้อกังวลที่มีมายาวนานเกี่ยวกับความยั่งยืน และการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมในอุตสาหกรรมโกโก้ โดยเป็นทางเลือกที่ความยืดหยุ่นกว่า และมีโอกาสทางการตลาดที่กว้างกว่า เพราะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายแบบ ต่างจากสินค้าทดแทนบางชนิดที่มีการใช้งานได้ค่อนข้างจำกัด 

ส่วนสถานการณ์ราคาโกโก้ ในปีนี้ กำลังลดลง หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ยังไม่มีสัญญาณว่า ราคาช็อกโกแลต ทั้งลูกอม ช็อกโกแลตแท่ง หรือช็อกโกแลตซานต้า จะลดลงในเร็ว ๆ นี้

โดยผู้ผลิตและนักวิเคราะห์ ให้ข้อมูลกับ บลูมเบิร์ก คาดว่า โกโก้ราคาถูกจะเริ่มเข้าสู่ชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตได้ ในช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้า แต่ก็ยังไม่มีความแน่นอนนัก นั่นหมายถึงว่า ครัวเรือนยังต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ตั้งแต่เนื้อวัวไปจนถึงกาแฟ และจะต้องชั่งน้ำหนักต่อไปว่า ช็อกโกแลตยังคงเป็นของหวานที่สามารถซื้อได้อยู่หรือไม่

Jonathan Parkman (โจนาธาน พาร์คแมน) หัวหน้าฝ่ายขายสินค้าเกษตร ของบริษัทโบรกเกอร์สินค้าโภคภัณฑ์ Marex Group ในลอนดอน กล่าวว่า ราคาที่อุตสาหกรรมช็อกโกแลตกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้สูงมาก และเจ็บปวดมาก ส่วนการปรับราคาลง อาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร

ส่วน Lambertz หนึ่งในผู้ผลิตขนมหวานที่เก่าแก่ที่สุดของเยอรมนี ระบุว่า ปัจจุบันมีสต็อกโกโก้เพียงพอที่จะใช้ได้จนถึงเกือบกลางปี 2026 หลังจากที่ได้ซื้อเก็บไว้ในช่วงที่ราคาสูง ซึ่ง Hermann Bühlbecker เจ้าของบริษัทฯ บอกว่า ในช่วง 5 ทศวรรษที่ทำงานกับบริษัทฯ มา ไม่เคยมีช่วงที่ราคาพุ่งสูงขึ้นขนาดนี้มาก่อน

และนั่น ทำให้บริษัทฯ ต้องผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค และยอมรับการลดลงของยอดขาย

ส่วน Scott Amoye (สก็อตต์ อะโมเย) รองประธานฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์ของบริษัท Guittard Chocolate Co. ผู้ผลิตช็อกโกแลตในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีลูกค้าเป็นผู้ผลิตขนมปังและขนมหวาน กล่าวว่า ผู้ผลิตกำลังพยายามชดเชยรายได้และกำไรที่สูญเสียไป ดังนั้น อาจจะต้องผ่านช่วงเวลาที่สำคัญในปี 2026 ไปก่อน ถึงจะเห็นการปรับราคาลง 

เช่นเดียวกับ ผู้ผลิตช็อกโกแลตรายใหญ่บางราย ยังคงหลีกเลี่ยงการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยอ้างถึงความผันผวนในตลาดโกโก้ เช่น เนสท์เล่ (Nestle SA) ผู้ผลิต คิต แคต (Kit Kat) บอกว่า ยังเร็วเกินไปที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้แบบเฉพาะเจาะจง

บลูมเบิร์ก รายงานอีกว่า บริษัทเหล่านั้นมีเหตุผลที่ยังต้องใช้ความระมัดระวังต่อไป เพราะราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโกโก้ แม้จะลดลงมาต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์ต่อตัน เมื่อเดือนพฤศจิกายน แต่ตอนนี้ ราคากำลังทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 6,000 ดอลลาร์ต่อตัน เนื่องจากอุปทานในแอฟริกาตะวันตกยังไม่แน่นอน และเกษตรกรรายย่อยในภูมิภาคนี้ขาดแคลนเงินทุนเรื้อรัง จนขาดการเข้าถึงปุ๋ย ต้นกล้า และเครื่องมือที่ช่วยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเพียงพอ

โดย ปีเตอร์ เฟลด์ (Peter Feld) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Barry Callebaut AG กล่าวในการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อเดือนที่แล้ว ว่า นี่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานานและยังไม่ได้รับการแก้ไข เนื่องจากราคาช็อกโกแลตถูกมาอย่างยาวนาน จนทำให้ไม่มีเงินไหลกลับไปพัฒนาการปลูกโกโก้อย่างเพียงพอ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง