BGT ยอดขายชุดดำพุ่ง100% เร่งผลิตคอลเล็กชันใหม่

#BGT #ทันหุ้น – BGT อวดยอดขาย “ชุดดำ” เดือนตุลาคมพุ่งทะลุ 100% รับกระแสไว้อาลัย ฟากผู้บริหารเร่งเพิ่มสต๊อกรับมือ อัพกำลังผลิต ออกคอลเล็กชันใหม่ เสื้อโปโล เสื้อยืดสีดำ และสินค้ารูปแบบอื่น กระจายสู่สาขา 140 แห่ง ปักเป้ารายได้ทั้งปีแตะ 700 ล้านบาท พร้อมรักษามาร์จิ้นเฉลี่ย 50%
ดร.นพดล ธรรมวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจีที คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BGT เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า รายงานสถานการณ์ธุรกิจ ล่าสุดพบว่ายอดขายเสื้อผ้า และชุดสีดำ (ชุดไว้ทุกข์) ได้รับความสนใจอย่างสูงจนน่าตกใจในช่วงนี้ โดยการขายชุดดำในปัจจุบันมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับการเติบโตที่สูง
“ความคึกคักในการซื้อชุดดำเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงวันที่ 25 ตุลาคม เป็นต้นมา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นยอดขายอย่างมากผิดจากปกติ โดยคาดว่าโครงการคนละครึ่งนั้น ผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมนำไปใช้ในลักษณะการท่องเที่ยวมากกว่า” ดร.นพดล กล่าว
** เร่งเพิ่มกำลังผลิต
จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของยอดขายชุดดำ บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตอีกมาก เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด นอกจากนี้บริษัทยังมีการเตรียมคอลเล็กชันใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับชุดสีดำออกมาเพิ่มเติม โดยมีการออกแบบดีไซน์ที่เหมาะสมกับการสวมใส่เพื่อการไว้อาลัย และไม่ได้เน้นแค่เสื้อโปโลหรือเสื้อยืดสีดำเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าในรูปแบบอื่นๆ ที่ผลิตออกมาด้วย
ทั้งนี้แม้ว่ายอดขายชุดดำจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงไม่ค่อยดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 เป็นต้นมา ยอมรับว่าเศรษฐกิจยังไม่เอื้ออำนวย และกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยรวมน้อยลงมากอย่างเห็นได้ชัดจากจำนวนคนเดินห้างสรรพสินค้าที่ลดลง
สำหรับยอดขายที่เกี่ยวข้องกับแหล่งท่องเที่ยวก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นบ้าง แต่หากเทียบยอดขายโดยรวมตั้งแต่ช่วงโควิดเป็นต้นมา ยอดขายของบริษัทยังถือว่ามีการเติบโตขึ้น แต่ยังไม่กลับไปเท่าระดับปกติก่อนที่จะเกิดโควิด
** รักษามาร์จิ้น 50%
ปัจจุบันบริษัทมีสาขาประมาณ 140 สาขา โดยคาดการณ์เป้าหมายยอดขายรวมทั้งปีไว้ที่ประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากยอดขายในปี 2567 อยู่ที่กว่า 600 ล้านบาท โดยบริษัทสามารถรักษาอัตรากำไร (Margin) เฉลี่ยไว้ได้ประมาณ 50 กว่าเปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตามด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และจำนวนคนเดินห้างที่ลดลง บริษัทจึงให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ โดยตลาดออนไลน์ของบริษัทยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่บริษัทมีการขายผ่านช่องทาง Marketplace ต่างๆ เช่น Shopee และ Lazada นอกจากนี้ ยังมีการใช้กลยุทธ์ “ไลฟ์สดขาย” สินค้าอย่างสม่ำเสมอ โดยมีลูกสาว ซึ่งเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ เข้ามาช่วยดูแลในส่วนของการไลฟ์สด ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
สำหรับทิศทางการลงทุน บริษัทเน้นย้ำว่าจะยังคงพยายามฟื้นฟู ตัวแบรนด์ที่มีอยู่ให้ดีที่สุดก่อน และยังไม่มีแผนที่จะขยายการลงทุนไปด้านอื่น หรือแตกแบรนด์ใหม่ในขณะนี้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
