ย้อนปฎิบัติการ 126 ชั่วโมง: ความหวัง ความกล้า และบทเรียนจากใต้ดิน
โศกนาฏกรรมอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงช่วงคลองขนานจิตร จ.นครราชสีมา ถล่มทับคนงานเมื่อคืนวันที่ 24 ส.ค. 2567 ได้คร่าชีวิตผู้ประสบภัยไปแล้วทั้ง 3 ราย หลังจากที่ทีมกู้ภัยระดมสรรพกำลังค้นหาอย่างเต็มที่มานานกว่า 6 วัน แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตผู้ติดค้างได้ทัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าทุกคนเสียชีวิตด้วยสาเหตุขาดอากาศหายใจ ขาดอาหาร และน้ำดื่ม ศพถูกทับถมอยู่ใต้ดินและหินจนร่างกายเปลี่ยนสภาพไปมาก
เหตุการณ์สลดครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงและอันตรายในงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่หากเกิดความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจส่งผลกระทบถึงชีวิตของผู้ปฏิบัติงานได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการเข้มงวดด้านความปลอดภัย รวมถึงแผนรับมือเหตุฉุกเฉินที่รัดกุมและมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ขึ้นอีก
จุดเริ่มต้นเหตุการณ์
เมื่อคืนวันที่ 24 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา ได้มีคนงานกำลังใช้รถแมคโคและรถขุดเจาะอุโมงค์ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงคลองขนานจิตร ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา บริเวณจุดปลายอุโมงค์ประมาณ 600 ม. จากปากอุโมงค์ ทันใดนั้นดินและหินก็ถล่มลงมาทับรถ 3 คันเสียงดังสนั่น โดยไม่มีฝนตก มีแรงงานถูกอุโมงค์ถล่มทับ 3 คน
ทีมกู้ภัยลุยเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต่างๆ รวมทั้งของมูลนิธิได้รับแจ้งและรีบเร่งระดมกำลังเข้าพื้นที่ทันที นำรถแมคโคขุดดินตักใส่รถบรรทุกอย่างต่อเนื่องเพื่อเปิดทางเข้าไปในอุโมงค์ โดยสร้างค้ำยันป้องกันไม่ให้ดินถล่มซ้ำเพื่อความปลอดภัยของทีมกู้ภัย มีการเปิดโพรงลึกลงไป 1.8 ม. ส่งท่อออกซิเจนเสริมให้ทีมที่ทำงานในหลุม
ค้นพบผู้เสียชีวิตคนแรก
หลังปฏิบัติการกู้ภัยมาได้ 5 วัน ในวันที่ 29 ส.ค. 2567 เวลาประมาณ 11.00 น. ทีมกู้ภัยได้พบผู้ประสบภัยจากเหตุอุโมงค์ถล่มคนแรก ผู้ว่าฯ นครราชสีมายืนยันว่าเสียชีวิตก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพบ น่าจะเสียชีวิตจากการขาดอากาศ อาหาร และน้ำ โดยไม่มีร่องรอยการถูกทับ อยู่ใต้รถบรรทุกดินที่เอียงทำมุม 45 องศา ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นใคร ต้องรอผลชันสูตรร่างกาย และพิสูจน์อัตลักษณ์ต่อไป
เครื่องตรวจจับดูดินผิด ไม่ใช่สัญญาณชีพ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ทีมแพทย์ยืนยันว่าเครื่องที่ใช้จับสัญญาณชีพนั้น บอกได้เพียงการเคลื่อนไหวของดิน หิน หรือร่างกายที่เปลี่ยนสภาพไป ไม่ได้หมายความว่าคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ดังเช่นในกรณีของผู้เสียชีวิตคนแรกที่ตรวจจับได้การเคลื่อนไหว ทำให้คิดผิดว่ายังมีชีพจร ทั้งที่ความจริงเป็นการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อ จึงยังไม่ชัดเจนว่าผู้ประสบภัยอีก 2 รายจะรอดหรือไม่
เร่งนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายออกจากอุโมงค์
ผู้ประสบภัยรายที่ 2 และ 3 ถูกพบในเวลาต่อมาโดยอยู่ห่างจากจุดที่พบรายแรกไปอีกประมาณ 4 ม. และ 14 ม. ตามลำดับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันแล้วว่าทั้งสองเสียชีวิตก่อนที่ทีมกู้ภัยจะเข้าถึง สาเหตุน่าจะมาจากการขาดอากาศหายใจเช่นเดียวกับรายแรก ทีมกู้ภัยจึงเร่งนำร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คนออกจากอุโมงค์ ท่ามกลางความยากลำบากจากหินดินขนาดใหญ่และเศษโครงสร้างที่กีดขวางเป็นจำนวนมาก
------------------
บทสรุป ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยผู้ประสบเหตุติดอยู่ในอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงถล่มที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ต้องยุติลงด้วยความโศกเศร้า หลังระดมความพยายามอย่างเต็มที่มานานถึง 126 ชั่วโมง หรือกว่า 6 วัน ท้ายที่สุดพบผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ความพยายามของเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งจากฝั่งไทยและจีน ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งจากสภาพอุโมงค์ที่ถล่มเสียหาย การขาดแคลนอุปกรณ์เครื่องมือ และความเสี่ยงที่จะเกิดการถล่มซ้ำได้ตลอดเวลา แต่ทุกคนก็ยังคงไม่ย่อท้อ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำงานอย่างหนัก โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตผู้ประสบภัยเป็นสำคัญ แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องเครื่องจักรกลหนัก แต่ก็ใช้แรงคนช่วยกันขุดเจาะโพรงเข้าไปในซากปรักหักพังอย่างระมัดระวังจนถึงที่สุด
แม้ปฏิบัติการครั้งนี้จะจบลงด้วยความสูญเสีย แต่ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่ต่างพยายามอย่างที่สุดเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้รอดพ้นจากวิกฤต ความทุ่มเทเสียสละเหล่านี้ สมควรได้รับการยกย่องและจดจำ ควบคู่ไปกับบทเรียนที่เราทุกคนได้เรียนรู้ว่า โครงการขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูง หากเกิดความผิดพลาดจะนำมาซึ่งความสูญเสียมหาศาล จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด และพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที หากเราไม่อยากให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
ภาพ : ปภ.นครราชสีมา