หมอเตือนสวม "หน้ากาก" ขณะวิ่ง เสี่ยงร่างกายรับออกซิเจนไม่พอ แนะเว้นระยะห่างมากที่สุด
ออกกำลังกาย- วันที่ 5 พฤษภาคม พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรน 6 กิจการ ให้เปิดดำเนินการได้ตามปกติ แต่ต้องควบคุมและเฝ้าระวังการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 อย่างต่อเนื่องนั้น พบว่าขณะนี้กิจการประเภทสวนสาธารณะ ลานพื้นที่กิจกรรมสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬา และลานกีฬา มีประชาชนมาออกกำลังกายกันเป็นจำนวนมาก
“แต่ยังต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานที่รับผิดชอบ หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีการคุมเข้มตั้งแต่จัดให้มีจุดคัดกรอง พนักงานดูแลผู้ใช้บริการ ด้วยการสังเกตและสอบถามอาการในเบื้องต้น หรือใช้เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย หากพบว่ามีไข้หรือมีอุณหภูมิร่างกายมากกว่าหรือเท่ากับ 37.5 องศาเซลเซียส หรือมีอาการป่วย เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ต้องงดให้บริการ และแนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที ส่วนผู้ดูแลหรือผู้ปฏิบัติงานในสวนสาธารณะต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ให้บริการ และให้ผู้ไปใช้บริการทุกคนสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเมื่อมีการพูดคุยกับพนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานในสวนสาธารณะ พร้อมทั้งจัดให้มีจุดล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ในบริเวณที่มีการทำกิจกรรมอย่างทั่วถึง” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
พญ.พรรณพิมล กล่าวต่อไปว่า สำหรับประชาชนที่วิ่งออกกำลังกายนั้น ขณะวิ่ง ไม่ควรสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เนื่องจากเวลาออกกำลังกาย ร่างกายจะต้องการออกซิเจนมากยิ่งขึ้น สังเกตได้จากการหายใจเร็วขึ้น การสวมหน้ากากผ้าหรืออนามัยจะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอโดยเฉพาะหน้ากาก N95 ที่ป้องกันอนุภาคขนาดเล็กได้มากกว่าหน้ากากอนามัย ก็จะยิ่งทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ที่ออกมาจากร่างกายสะสมอยู่ในหน้ากาก มีโอกาสที่จะหายใจไม่ทันได้
“ดังนั้น นักวิ่งทุกคนจึงควรจะเพิ่มระยะห่างในการวิ่งตามกันให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ เพราะยิ่งห่างกันเท่ากับโอกาสในการติดเชื้อก็ยิ่งน้อยลงด้วย และที่สำคัญอย่าไปสัมผัสกับพื้นผิวสัมผัสในที่สาธารณะต่างๆ โดยไม่จำเป็น ส่วนผู้ที่เดินออกกำลังกายให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยระยะใกล้ชิด ไม่ใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น และหลังออกกำลังกายให้ล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ นอกจากนี้เมื่อกลับถึงบ้านให้เปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำทันที” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ทั้งนี้ พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ในส่วนสถานที่สวนสาธารณะนั้น ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ทางเดิน ออกกำลังกาย พื้นถนน ประตู สวน เก้าอี้ ม้านั่ง จุดให้บริการน้ำดื่ม โดยเฉพาะก๊อกน้ำดื่ม อุปกรณ์และอื่นๆ ที่มีการใช้ร่วมกันภายในสวนสาธารณะเป็นประจำทุกวันก่อนและหลังเปิดสวนสาธารณะ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด วันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นจุดสัมผัสหรือที่ใช้ร่วมกัน
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า หากมีผู้ใช้บริการมากให้เพิ่มความถี่ทำความสะอาด อย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง จัดระยะห่างระหว่างเก้าอี้นั่งในบริเวณสวนสาธารณะให้มีระยะห่างกัน 1-2 เมตร และ จัดให้มีถังขยะสภาพดีที่มีฝาปิดสำหรับทิ้งขยะ และให้รวบรวมขยะออกจากสวนสาธารณะทุกวันเพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกต้องต่อไป สำหรับห้องส้วมให้หมั่นทำความสะอาดอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง หรือหลังผู้ใช้บริการเข้าใช้บริการด้วยน้ำยาทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรคด้วยสารฆ่าเชื้อโรคบริเวณจุดที่มีการใช้ร่วมกัน ได้แก่ กลอนหรือลูกบิดประตู ก๊อกน้ำ อ่างล้างมือ ที่รองนั่งโถ เป็นต้น เพื่อสร้างสุขอนามัยที่ดี พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชน ที่ใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการของสวนสาธารณะอย่างเคร่งครัดด้วย