TIPH ปิดยอดโควิดก.ค.เกลี้ยง โค้ง3สู่ภาวะปกติ-Q4ไฮซีซัน

#TIPH #ทันหุ้น TIPH ไตรมาส 3 สู่งบการเงินปกติ และไตรมาส 4 สู่ไฮซีซันของบริษัท แจงนักลงทุน ประกันโควิดทุกกรมธรรม์หมดความคุ้มรองตั้งแต่ กรกฎาคม 2565 และงบ โค้ง 2 จะสะท้อนผลกระทบสินไหมโควิดเป็นรอบสุดท้าย เผยเดินตามแผนงาน ล่าสุดซื้อ เอราวัณประกันภัย ปรับโครงสร้างเป็นดิจิทัลอินชัวรันส์ 100% ในชื่อ อินชัวร์เวิร์ส ประเดิมตลาดไตรมาส 4 นี้
ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH กล่าวว่า งบการเงินไตรมาส 2/256 และ 6 เดือนแรกของ TIPH ได้รับผลกระทบจากประกันภัยโควิด โดยเฉพาะในส่วนของค่ารักษา และค่าชดเชยรายวัน ซึ่งแม้บริษัทจะไม่มีแบบประกัน “เจอจ่ายจบ” แต่จากการขยายความคุ้มครองเพิ่มเติม ตามนโยบายรัฐ และหน่วยงานกำกับ เพื่อเยี่ยวยาประชาชนเดือดร้อนในช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก ซึ่งยอดเคลมส่วนนี้เข้ามามากเกินกว่าที่บริษัทคาดไว้
ดร.สมพร อธิบายว่า เงื่อนไขในกรมธรรม์ ทั้งการรักษา และการจ่ายเงินชดเชยนั้น ผู้ป่วยโควิดจะต้องได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ด้วยสถานการณ์ระบาดอย่างหนัก จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการขยายสถานที่รองรับผู้ป่วยในรูปแบบต่างๆ ทั้งโรงพยาบาลสนาม ฮอสพิเทล (Hospitel) หรือ โฮมโซลูเอท (Home Isolation) เป็นต้น และในสถานการณ์ดังกล่าวทำให้หน่วยงานรัฐ หน่วยงานกำกับ มีการปรับเงื่อนไขความคุ้มครองให้ครอบคลุมการรักษาในสถานพยาบาลต่างๆที่ไม่ใช่โรงพยาบาล ซึ่งในตอนนั้นผู้ประกอบการต่างก็ขานรับโดยหวังเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน
Q3สู่สถานการณ์ปกติ
“ อย่างไรก็ตาม เคลมโควิด-19 ที่เกิดขึ้นนั้นถือเป็นเหตุการณ์ครั้งเดียว หรือ one-off even ซึ่งจะไม่กระทบต่อไปถึงงบไตรมาส 3 เพราะกรมธรรม์โควิดทั้งหมดที่บริษัทมีอยู่นั้นได้หมดความคุ้มครองไปแล้วตั้งแต่กรกฎาคม หรือถ้าจะมีผลก็น้อยมาก เพราะกรมธรรม์ที่ต้องจ่ายเคลมสูงอย่างค่ารักษา และค่าชดเชยรายได้ ได้หมดอายุความคุ้มครองตั้งแต่เดือนมิถุนายน ขระที่เหลือแต่คุ้มครองโคม่า ซึ่งครบอายุกรมธรรม์ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และเป็นแบบประกันที่มีอัตราการเคลมต่ำมากเมื่อเทียบกับแบบค่ารักษา-ค่าชดเชยรายวัน”
ทั้งนี้ผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทที่เป็นแกนหลักของ TIPH มีเคลมสินไหมรวม 3,813 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.25% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แต่หากไม่รวมเคลมจากโควิด ค่าสินไหมจะเพิ่มขึ้นเพียง 4.80% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จำนวน 2,251 ล้านบาท
6เดือนแรกเบี้ยโต
ในส่วนของเบี้ยรับรวม อยู่ที่ 14,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.58% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้จากการลงทุน 371 ล้านบาท ลดลง 27.56%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาดที่มีปัจจัยเสี่ยงทั้งเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ เงินเฟ้อ สงครามการค้า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 4.48% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน อยู่ที่ 990 ล้านบาท มีรายได้รวม 7,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.36% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 336 ล้านบาท ลดลง 73.12% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (งบกำไรสุทธิของ TIPH อยู่ที่ 316 ล้านบาท)
ดร.สมพร กล่าวว่า หลังจากประกันโควิด หมดความคุ้มครองลงในเดือนกรกฎาคมนี้แล้วผลการดำเนินงานของบริษัท จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาสที่ 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ ภายใต้โอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็นไฮซีซันของทิพยประกันภัยในการเข้าไปรับงาน เพราะมีการลงทุนของภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจเกิดขึ้น จากปีงบประมาณใหม่ที่ออกมาในช่วงนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานเมกะโปรเจกต์
ทั้งนี้ หลังการปรับโครวงสร้างธุรกิจ TIPH ได้เดินตามแผนงานที่วางไว้ คือการเข้าไปลงทุนในบริษัทที่สนับสนุนงานด้านประกันภัย ทั้ง โบรกเกอร์ประกัน บริษัทสำรวจภัย หรือ เซอร์เวเยอร์ รวมถึงการ่วมลงทุนในบริษัท “มีที่มีเงิน” ที่ให้สินเชื่อสำหรับรายย่อย ซึ่งแม้จะไม่เกี่ยวกับธุรกิจประกันภัย แต่ก็เป็นไปตามแผนงานที่บริษัทวางไว้ว่าจะลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับประกันภัยในสัดส่วน 25%
ส่ง "อินชัวร์เวิร์ส" รุกเต็มสูบQ4
ดร.สมพร กล่าวอีกว่า ไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่า บริษัท อินชัวร์เวิร์ส ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยดิจิทัล 100% จะสามารถออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยตัวแรกสู่ตลาดได้ โดย อินชัวร์เวิร์ส เป็น บริษัท เอราวัณประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่ TIPHเข้าไปซื้อมาเมื่อเร็วๆนี้ และถือหุ้นราว 80%โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ อินชัวร์เวิร์ส เป็นเป็นคนรุ่นใหม่ หรือกลุ่มคนที่ต้องการซื้อประกันภัยบนช่องทางออนไลน์
“ลูกค้ายุคใหม่ให้ความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมออนไลน์ซึ่งต่างจากอดีตจที่มีความกังวลสูง ซึ่งอินชัวร์เวิร์สจะเข้ามาสนับสนุนให้บริการกับลูกค้ากลุ่มนี้ ทั้งการซื้อ- ขาย- ออกกรมธรรม์เป็น e- Policy เคลมด้วยรูปแบบออนไลน์ 100% สามารถจัดแพกเกจความคุ้มครองเองได้แบบ DIY ทั้งประกันรถ ประกันสุขภาพ ประกันสินทรัพย์ เป็นต้น ได้เองซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นฐานลูกค้าคนละกลุ่มกับ ทิพยประกันภัย”
ดร.สมพร กล่าวว่า ทิพยประกันภัย จะเน้นให้บริการแบบพรีเมี่ยม เช่นมีฝ่ายขายหรือตัวแทนมาให้บริการ หรือดูแลลูกค้า ขณะที่อินชัวร์เวิร์ส ลูกค้าจะเป็นผู้ดำเนินการเองทุกอย่างไม่มีฝ่ายขายมาให้บริการซึ่งจุดเด่นคือทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของอินชัวร์เวิร์สต่ำลง ส่งผลให้สามารถกำหนดเบี้ยถูกลงได้