RTข้ามห้วยรุกCLMV จับตาผลงานทำสถิติ
ทันหุ้น –RT ครึ่งปีหลังโดดเด่น ลุ้นรับงานใหม่เติมแบ็กล็อกแตะ 7 พันล้านบาท แย้มผลงานไตรมาส 2/2564 ฟื้นตัวหลังจบงานถนนหนองขาม-หนองหาน ที่กดมาร์จิ้น “ชวลิต ถนอมถิ่น” ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 20% รุกรับงาน CLMV ฟากโบรกประเมินผลงานปี 2564-2565 ทำนิวไฮต่อเนื่อง 2 ปีติด จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และงานประมูลใหม่ที่มีแนวโน้มได้งานในระดับสูง เคาะเป้าซื้อ3.20 บาท
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,861 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) แล้ว 3,213 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2566 และมีโอกาสที่สิ้นปีนี้ Backlog จะเพิ่มขึ้นแตะ 7,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีงานใหม่อีก 1,200 ล้านบาท
แบ่งเป็นงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาในไตรมาส 2/2564 จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 581 ล้านบาท และมีงานที่อยู่ระหว่างรอผลจำนวน 2 งาน มูลค่ารวมประมาณ 619 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งบริษัทคาดหวังจะได้งานอย่างน้อย 50% ของมูลค่าโครงการ หรือคิดเป็นวงเงินราว 7,500 ล้านบาท
*ผลงานไตรมาส 2/64 เด้ง
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2564 คาดจะฟื้นตัวหลังประสบปัญหาค่าใช้จ่ายในโครงการถนน หมายเลข 22 ตอน หนองขาม-หนองหาน ทำให้กำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/2564 ปรับตัวลดลง 15.5% จากปีก่อนที่ 113 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการส่งมอบเรียบร้อยแล้ว
ประกอบกับ บริษัทจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้อย่างต่อเนื่องในไตรมาส 1/2564 จากโครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่แตง-แม่งัด จ.เชียงใหม่ มีความคืบหน้าแล้ว 71% , งานก่อสร้างอุโมงค์ในโครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางจิระ สัญญาที่ 3 จ.สระบุรี ถึง จ.นครราชสีมา ความคืบหน้า 91%, งานก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรัก กรมชลประทาน จ.เลย ความคืบหน้า 17% และ โครงการก่องสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ความคืบหน้า 52%
*รุกรับงาน CLMV
ด้านการรุกขยายการรับงานไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะใน CLMV คาดว่าในประเทศลาวจะมีโครงการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้เคียงไซยะบุรีที่จะรู้ผลในช่วงปลายปี 65 ส่วนประเทศเมียนมา บริษัทเตรียมแผนลงทุนสำหรับโครงการขนาดเล็ก โดยจะเริ่มกลับไปติดตามงานต่อในช่วงปีหน้าหลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 คลี่ลคลาย
นายชวลิต กล่าวว่า ประเด็นปัญหาขาดแคลนแรงงานระยะสั้น ทางบริษัทคาดว่าภายหลังครึ่งปีหลังนี้ที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย การใช้แรงงานต่างชาติจะกลับมามากขึ้น และทางบริษัทก็ได้เจาะตลาดแรงงานในต่างจังหวัดเพื่อมาเสริมในส่วนแรงงานที่ขาดไป ส่วนปัญหาราคาเหล็กที่เพิ่มสูงขึ้นก็ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากต้นทุนเหล็กคิดเป็น 3-4% จากต้นทุนทั้งหมด
*กำไรทำนิวไฮต่อเนื่อง
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง RT ว่าประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิ 37.7 ล้านบาท จากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ฟื้นตัว หลังโครงการถนนที่มีปัญหา Cost Overrun ถูกส่งมอบไปแล้วในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนรายได้ของงานก่อสร้างยังอยู่ในระดับสูง จากการมี Backlog รับรู้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ RT ตั้งเป้าได้รับงาน 50% ของมูลค่างานอุโมงค์ทั้งหมด 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่ง RT มีโอกาสได้รับงานดังกล่าวสูง ทั้งในรูปแบบ JV หรือ Subcontract เนื่องจาก RT มีความสัมพันธ์ที่ดี และมีประสบการณ์การทำงานร่วมกับทั้ง ITD, STEC, CK และ UNIQ มาแล้วทั้งนั้น
ทั้งนี้ประเมินกำไรสุทธิปี 2564 และ 2565 ของ RT ไว้ที่ 279 และ 299 ล้านบาท เติบโตขึ้น 17.22% และ 7.16% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ ทำนิวไฮต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกัน โดยปัจจัยการเติบโตของกำไรสุทธิในปีนี้ จากรายได้งานก่อสร้างที่คาดทำได้ 3.3 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 16% จากปีก่อน ประกอบกับงานประมูลใหม่ที่มีแนวโน้มได้งานในระดับสูง
*เคาะเป้า ซื้อ 3.20 บาท
ส่วนราคาเหล็กที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูง จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ต่อกำไรสุทธิปีนี้ของ RT เนื่องจากต้นทุนเหล็ก มีสัดส่วนน้อยกว่า 5% ของต้นทุนทั้งหมด ประกอบกับ RT ยังได้สต็อกเหล็กในช่วงที่ราคาถูกไว้บางส่วน และงานที่ต้องใช้เหล็ก ได้ทยอยส่งมอบแล้ว
มูลค่า (Valuation) ปัจจุบันของ RT ยังมีความน่าสนใจ เนื่องจาก P/E ปี 2564 เทรดเพียง 9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นในกลุ่มเดียวกันที่เทรด P/E อยู่ที่ระดับ 20 เท่า จึงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 3.20 บาท