เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
**บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index ยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับหลักบริเวณ 1,620+- จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่ยังค่อนข้างเป็นลบจากแนวโน้มสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะยูโรโซนมากขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตร ขณะที่เงื่อนไขหยุดสงครามของรัสเซีย 3 ข้อคาดยังยากสำหรับยูเครนที่จะยอมรับในระยะนี้
ขณะที่ราคาน้ำมันเริ่มชะลอตัวลงบ้างหลังเยอรมนีระบุจะยังนำเข้าพลังงานจากรัสเซียเนื่องจากยังมีความสำคัญ ทำให้ PTTEP มีแนวโน้มพักตัวระยะสั้น เราคาดการปรับขึ้นของดัชนีในระยะนี้ยังทำได้จำกัด แม้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจะไม่มาก แต่หากสถานการณ์สงครามลากยาวยังเป็นปัจจัยกดดันและ Overhang ปัจจัยที่ต้องติดตามปลายสัปดาห์นี้คือเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ ขณะที่สัปดาห์หน้าตลาดคาด FED เริ่มขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ระยะสั้นยังเน้นพักเงินและลงทุนในกลุ่ม Defensive และ Domestic Play ที่กระทบจากต้นทุนการผลิตที่พุ่งจำกัด ได้แก่ การแพทย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สื่อสารฯ ค้าปลีก
กลยุทธ์ : พักเงินในหุ้น Defensive และ Domestic Play
หุ้นเด่นเดือนมี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP
หุ้นเด่นวันนี้ : OSP
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 42 บาท
• แนวโน้มกำไร 1Q22 คาดฟื้นตัวดีต่อเนื่องทั้งตลาดไทยและต่างประเทศตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ฝั่งต้นทุนที่สูงขึ้นยังกระทบจำกัดในระยะสั้น
• M-150 ใหม่ที่ขยับราคาขึ้น 12 บาทจะเป็นปัจจัยหลักหนุนการเติบโตในปีนี้และเชื่อว่าผู้เล่นรายอื่นจะขยับตามทั้งอุตสาหกรรมเพื่อลดแรงกดดันด้านต้นทุน เราคาดกำไรปี 2022-2023 +12% CAGR
• แนวรับ 35-34.50 บาท แนวต้าน 36.50-37//38 บาท
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,610 – 1,615แนวต้าน 1,630 – 1,640หากดัชนีปรับลดลงต่ำกว่า 1,610 แนะนำทยอยซื้อหุ้นกลุ่มหลัก เช่น ธนาคาร, สื่อสาร, ค้าปลีกจาก Valuation ดัชนีเริ่มถูกลง ระยะสั้นเก็งกำไร TWPC, UVAN, TVO, BANPU, TMT ( +สินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น )
SGP* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Consensus N.A.) บริษัทเผยแผนการดำเนินธุรกิจในปี 65 ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน โดยปริมาณขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) อยู่ที่ราว 3.65 ล้านตัน จากปี 64 ที่มีปริมาณขายอยู่ที่ 3.29 ล้านตัน ปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการใช้ที่มากขึ้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายในหลายประเทศ และเริ่มเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยว ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มีความต้องการใช้ก๊าซเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ระยะสั้นยังมีปัจจัยหนุนจากราคาอ้างอิง Saudi Aramco Propane/Butane เดือน มี.ค.ที่ปรับตัวขึ้นเป็น 895$/ton และ 920$/ton ผ่าน High ที่ทำไว้ในเดือน ก.ย.64 โดยราคากลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้งตามทิศทางราคาน้ำมัน จึงทำให้มี Demand LPG เป็น Feedstock ทดแทน Naphtha สำหรับการผลิตปิโตรเคมี
CHG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 4.26 บาท) แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วง 1Q65 เบื้องต้นเราประเมินว่ามีโอกาสจะอ่อนตัวลง QoQ ได้จากการที่ในช่วง 4Q64 มีการรับรายได้ภาระเสี่ยงมากกว่าที่ประมาณการของทางร.พ. แต่ภาพรวมจะยังคงจะโดดเด่นจากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ Covid-19 ขณะที่การดำเนินงานช่วงถัดไปPost-Covid-19 เมื่อเทียบกับ Pre-Covid-19 ยังมีความน่าสนใจจากปัจจัยหนุนจาก1.ธุรกิจการรับจ้างบริหารโรงพยาบาล(ปัจจุบันมี 2 แห่ง ร.พ.เมืองพัทยา และศูนย์แพทย์ชุมชนเกาะล้าน เมืองพัทยา) 2.การรับผู้ป่วยโรคหัวใจจากร.พ.อื่น(ศูนย์หัวใจสิริธร 2Q64, ร.พ.สมุทรปราการ 4Q64, ร.พ.ระยอง 1Q65) 3.จำนวนโควต้าผู้ประกันตนที่สูงขึ้น และ4.การเปิดร.พ.ใหม่โดยเฉพาะที่เป็นศูนย์เฉพาะทาง(คาดรพ.จุฬารัตน์ แม่สอด และ ศูนย์มะเร็งสุวรรณภมิ จะเปิดราวปี65-66)
**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ประเมินดัชนีฯ ยังผันผวนสูง ความกังวลผลกระทบสถานการณ์ยูเครนต่อเศรษฐกิจโลก กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก โดยสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ยังเป็นตัวกดดันตลาดเพียงตัวเดียวในเวลานี้ การเจรจาคืนที่ผ่านมายังไม่คืบหน้า ต้องรอดูครั้งต่อไป 10 มี.ค. ...ตลาดกังวลกับทิศทางเศรษฐกิจโลก จากราคาน้ำมันและสินค้าต่างๆ ที่ยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง นักลงทุนชะลอการลงทุนเข้าในสินทรัพย์เสี่ยงสูง สินทรัพย์ที่จัดเป็น safe haven(ที่พักเงิน) ตอนนี้ คือ ทองคำ ดอลล่าร์ พันธบัตร และเงินสด
สงครามยูเครนที่เกิดขึ้น ทำให้ราคาทองคำพุ่งอยู่ในระดับสูง เช้านี้ $1984 เหรียญ/ounce โดยทองคำถูกมองเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงในยามที่เกิดสงคราม
Omicron ตอนนี้ยังคงต้องจับตาดูผู้ติดเชื้อ ว่าการระบาดจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้หรือไม่ หากผ่านจุด peak ไปได้สถานการณ์จะดีขึ้นตามลำดับ ธุรกิจที่เคยได้รับผลกระทบจะกลับมาฟื้นตัว
หุ้นใหญ่ขึ้น XD วันนี้ คือ MEGA(@0.86) และ KTBSTMR(@0.1039) ก็ขึ้น “XD” วันนี้เช่นกัน
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ GDP 4Q ของอียู
ทั้งนี้จากสถานการณ์ยูเครน ยังไม่มีสัญญาณว่าจะเบาลง เป็นความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก และหุ้นขนาดใหญ่ โดยเราคาดว่า จุด peak ของสถานการณ์ อาจอยู่ในเดือน มี.ค. และไม่น่าจะเลวร้ายแบบที่จะเกิดสงครามที่มีชาติอื่นเข้ามาร่วมด้วย และน่าจะเป็นการต่อสู้ด้วยการทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจของรัสเซียมากกว่า
นักลงทุนอาจเลี่ยง การลงทุนในหุ้นที่มีฐานการผลิต หรือ รายได้ในยุโรป อาทิ PTTGC, IVL, TU, MINT , KCE, HANA ไปก่อนในช่วงนี้ง
copy trade หุ้นฝรั่ง หุ้นลำดับแรกๆที่ฝรั่ง net buy วานนี้มากที่สุด คือ TISCO, ADVANC, BH
ฝ่ายวิจัยยังกังวลต่อสถานการณ์ยูเครน ที่จะกระทบการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก เราจึงปรับพอร์ตให้เหมาะกับตลาด โดยนำ KBANK ออก และเพิ่ม UBE*, IMH* ซึ่งเป็นหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวเข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตจะประกอบด้วย UBE*(10%), IMH*(10%), LANNA*(10%), PSL(10%), ADVANC(10%), BAM(10%)