รีเซต

กรมควบคุมโรคส่งวัคซีนโควิดทุก จว.ทั่วไทย กระจายลง รพ.สต.เร่งฉีดปกป้องสูงวัย

กรมควบคุมโรคส่งวัคซีนโควิดทุก จว.ทั่วไทย กระจายลง รพ.สต.เร่งฉีดปกป้องสูงวัย
มติชน
13 เมษายน 2565 ( 14:37 )
55
กรมควบคุมโรคส่งวัคซีนโควิดทุก จว.ทั่วไทย กระจายลง รพ.สต.เร่งฉีดปกป้องสูงวัย
 

วันนี้ (13 เมษายน 2565) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เนื่องในวันสงกรานต์ หรือ วันขึ้นปีใหม่ไทย ที่ลูกหลาน ญาติ พี่น้อง จะถือโอกาสกลับบ้านไปกราบไหว้ผู้ใหญ่ และเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติด้วยนั้น ประกอบกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดในขณะนี้ พบว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุถึงร้อยละ 78 เป็นผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ร้อยละ 53 และได้รับเข็มที่ 2 เกิน 3 เดือน ร้อยละ 33 ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ มีอาการหนัก และเสียชีวิตได้นั้น จึงอยากชวนให้ใช้โอกาสนี้ พาผู้สูงอายุที่ยังไม่ไดรับการฉีดวัคซีน หรือครบกำหนดการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) ให้เข้ารับวัคซีนโควิด-19 ที่สถานพยาบาลในสังกัด (สธ.) ใกล้บ้านได้ทันที

นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้ กรมควบคุมโรคได้เริ่มจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีเทา จำนวน 3 ล้านโดส ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2565 ไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ และแต่ละจังหวัดได้กระจายวัคซีนไปยังทุกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ภายในวันที่ 12 เมษายน 2565 เช่น สระแก้ว จันทบุรี ระยอง ตราด สมุทรปราการ ชลบุรี ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ แพร่ ลำพูน เชียงราย น่าน และ ลำปาง เป็นต้น

แต่ละ รพ.สต.จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีเทา จำนวนแห่งละ 20 ขวด และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอีกแห่งละ 20 ขวด โดยข้อดีของวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีเทา เป็นวัคซีนพร้อมใช้ ไม่ต้องผสมน้ำเกลือก่อนฉีด และสามารถเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ได้นานถึง 10 สัปดาห์ ทำให้ รพ.สต. มีความสะดวก ในการบริการฉีดให้กับประชาชน” นพ.โอภาส กล่าว

ทั้งนี้ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้มีการจัดอบรมวิธีการใช้งานวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีเทาให้กับเจ้าหน้าที่ในหน่วยบริการสุขภาพทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการบริการประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศแล้ว

นพ.โอภาส กล่าวว่า วัคซีนเข็มกระตุ้น หรือ บูสเตอร์ โดส ในผู้สูงอายุมีความจำเป็นมาก เนื่องจากวัคซีนสามารถป้องกันผู้สูงอายุเสียชีวิตได้เป็นอย่างดี โดยพบว่า ผู้สูงอายุที่ได้รับวัคซีนตั้งแต่ 2 เข็ม มีอัตราเสียชีวิตลดลง 5 เท่า และหากได้กระตุ้นเข็มที่ 3 จะมีอัตราเสียชีวิตลดลงถึง 31 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ไม่ได้รับวัคซีน

เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดในขณะนี้สามารถแพร่เชื้อได้เร็ว การได้รับวัคซีนเพียง 2 เข็ม เมื่อเวลาผ่านไปภูมิคุ้มกันจะลดลง เมื่อติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรง จึงจำเป็นต้องเข้ารับวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 หรือเข็มที่ 4 ซึ่งมีข้อมูลว่า ช่วยลดการป่วยหนักและลดการเสียชีวิตได้ชัดเจน” นพ.โอภาส กล่าวย้ำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง