พลโทอดุลย์ เตือนชายแดนร้อน สงครามยุคใหม่ยั่วยุ–ใส่ร้ายไทย

พลโทอดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา ระหว่างการแถลงนโยบายเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยระบุว่าปัญหาชายแดนในปัจจุบันไม่เหมือนสมัยก่อน การใช้กำลังทหารและหน่วยงานด้านความมั่นคงเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องแก้ไขในหลายมิติร่วมกัน 

ด้านการทูต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมชี้ว่าไทยได้แสดงบทบาทเชิงรุก เห็นได้จากถ้อยแถลงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาคมโลกได้รับรู้

มิติด้านข้อมูลข่าวสารถูกยกให้เป็นอีกส่วนสำคัญ โดยเฉพาะการใช้สื่อสังคมออนไลน์และแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งกัมพูชาในฐานะคู่ขัดแย้งนำมาใช้โฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือนข้อเท็จจริง และสร้างสถานการณ์ รวมถึงเก็บหลักฐานเพื่อใช้ต่อสู้ในเวทีโลก หากไทยหลงเชื่อหรือปฏิบัติตามข้อมูลเหล่านี้จะสร้างความเสียหายต่อประเทศ

"ปัจจุบันสงครามไม่ใช่แบบเดิม แต่เป็นสงครามผสมแบบใหม่  เช่น การเดินสายบิดเบือนข้อเท็จจริง ยั่วยุ และกัมพูชาแสดงความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาตามข้อตกลงในทุกระดับ ที่สำคัญไปเล่นบทเหยื่อในเวทีโลก ซึ่งเข้าใจในความอึดอัดและความของประชาชน ขอให้เชื่อมั่นในกองทัพ และยืนยันจะไม่ยอมเสียแผ่นดินไทย พร้อมขอให้ส่งกำลังใจให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดน"

สำหรับมิติทางเศรษฐกิจ ไทยใช้มาตรการปิดด่านเพื่อกดดันคู่ขัดแย้ง แต่ยอมรับว่ามาตรการนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ทำการค้าชายแดน รวมถึงผู้ผลิตสินค้าบางประเภท โดยเฉพาะในพื้นที่สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสระแก้ว ซึ่งยังมีปัญหาบ่อนการพนันและฐานปฏิบัติการของสแกมเมอร์หรือคอลเซ็นเตอร์ที่เชื่อมโยงกับกองกำลังของกัมพูชา จึงเสนอว่าไทยต้องช่วยกันผลักดันการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อลดผลกระทบ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมย้ำว่า สถานการณ์ปัจจุบันไม่ใช่สงครามในรูปแบบเดิม แต่เป็นสงครามผสมที่อาศัยการยั่วยุและบิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งระบุว่ากัมพูชาแสดงความไม่จริงใจต่อการแก้ปัญหาตามข้อตกลงทุกระดับ และพยายามเล่นบทเหยื่อบนเวทีโลก

ในตอนท้าย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวว่าเข้าใจความอึดอัดของประชาชน แต่ขอให้มั่นใจว่ากองทัพจะไม่ยอมเสียแผ่นดินไทย และขอแรงใจจากประชาชนเพื่อสนับสนุนทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน