PTGทุ่ม4พันล.อัพแกร่ง ต่อยอดสาขา-ธุรกิจใหม่
ทันหุ้น - PTG เดินหน้าทุ่มงบ 4 พันล้านบาท อัพฐานของเดิม-ต่อยอดธุรกิจใหม่ พร้อมปักเป้าปี2565 ยอดขายเติบโต 5-8% จากปี 2564รับเศรษฐกิจฟื้นตัว-โควิดดีขึ้น พร้อมส่งซิก Q4/2564 ฟอร์มดีกว่าช่วง Q3/2564 อานิสงส์คลายล็อกดาวน์ ดีมานด์กลับมาหนุน
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ในปี 2565 เบื้องต้นบริษัทวางงบลงทุนไว้ราว 4 พันล้านบาท แบ่งเป็น รองรับการขยายธุรกิจเดิมทั้งในส่วนของธุรกิจน้ำมันและธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน (Non-Oil) อยู่ที่ราว 3 พันล้านบาท และที่เหลืออีกประมาณ 1 พันล้านบาท ใช้ในการลงทุนธุรกิจใหม่เพิ่มเติม หวังสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวอีกทางหนึ่ง
โดยแนวโน้มปี 2565 บริษัทประมาณการยอดขายน้ำมันเติบโต 5-8% เมื่อเทียบกับปี 2564เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันและอื่นๆ เติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับประเด็นสถานการณ์โควิด 19มีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ปี 2564 คาดว่ายอดขายน้ำมันเติบโตราว 1-4% (ต่ำเป้าหมายเดิมที่เพิ่มขึ้น 5-8%) จากปีก่อนที่ราว 4.8 พันล้านลิตร เพราะได้รับปัจจัยลบจากประเด็นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด -19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันปรับลดลง
คลายล็อกหนุน Q4
สำหรับทิศทางไตรมาส 4/2564 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2564 ผลมาจากภาครัฐมีการประกาศคลายล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในการเติมรถยนต์และรถขนส่งขยายตัว คาดว่าจะผลักดันให้ยอดขายน้ำมันของ PTG ขยับเพิ่มราว 15-20% จากไตรมาส 3/2564 นอกเหนือ จากธุรกิจในส่วนอื่นๆ ที่ดีขึ้นตามไปด้วย
ส่วนมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ไม่เกิน 28บาทต่อลิตร และเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 นั้นบริษัทยังไม่สามารถตอบได้ว่ามีผลต่อธุรกิจหรือไม่ และคงต้องพิจารณาราคาน้ำมันในตลาดโลกประกอบด้วย หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัว ซึ่งหากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงและกดราคาขายให้ต่ำกว่า 28บาทต่อลิตร จะทำให้มาตรการดังกล่าวไม่มีผลกระทบ แต่หากราคาน้ำมันโลกขยับเพิ่มนั้นคงต้องรอดูทิศทางของกองทุนธุรกิจพลังงานต่อไป
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวปริมาณขายน้ำมันจากการเดินทางที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกเริ่มปรับตัวลง โดยล่าสุดปรับตัวลดลงในระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์มองว่าเป็นการลดแรงกดดันต่อ PTG ที่ถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นสูงในช่วงที่ผ่านมา
เป้าหมาย 18.60 บ.
แต่คาดกำไรสุทธิจะสามารถเติบโตด้วย CAGR 3 ปี (2564-2567) ที่ 21% ต่อปี ผลจากการเติบโตของธุรกิจน้ำมันที่คาดปริมาณขายโต 6%ต่อปีและธุรกิจ Non-oil ที่คาดสัดส่วนกำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นมาที่ 15% ในปี 2565 โดยปริมาณขายน้ำมันในตุลาคม-พฤศจิกายน 2564 ฟื้นตัวขึ้น โดยเดือนพฤศจิกายน 2564 เติบโต สองหลักจากเดือนก่อนหน้า
สำหรับทิศทางในไตรมาส 4/2564 บริษัทคาดจะเติบโต 17-20% จากไตรมาสก่อนหน้า และสำหรับทั้งปีคาดเติบโต 1-4% YoY โดยประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ต่ำกว่าบริษัทคาดทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 4,991 ล้านลิตร
อย่างไรก็ดี ในแง่ของค่าการตลาดน้ำมันดีขึ้นเช่นกันจากระดับต่ำในช่วงต้น ตุลาคม จากภาครัฐขอความร่วมมือราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร กดดันค่าการตลาดในระดับที่ต่ำกว่า 1.40 บาทต่อลิตร แต่ปัจจุบันบริษัทมีการปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลตามต้นทุนจริงทำให้ค่าการตลาดปรับตัวดีขึ้น โดยปีนี้ PTG ตั้งเป้าค่าการตลาดที่ระดับ 1.80-1.90 บาทต่อลิตร ทั้งนี้คาดว่าจะอยู่ในกรอบล่างของเป้าหมายของบริษัทที่ 1.80 บาทต่อลิตรในปี 2564-2566 คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 18.60 บาท