คนขับแท็กซี่จีนกังวล “แท็กซี่ไร้คนขับ” อาจจะทำให้ตกงาน ?
ในขณะที่จีนกำลังก้าวหน้าในด้านบริการแท็กซี่ไร้คนขับ ที่กำลังมีการทดลองใช้งานจริงในหลายเมืองของประเทศ แต่ท่ามกลางความก้าวหน้าของบริการนี้ ก็กำลังทำให้บรรดาคนขับแท็กซี่จีนรู้สึกกังวลมากขึ้น เพราะกลัวว่าจะถูกแย่งงานโดยบริการแท็กซี่ไร้คนขับเหล่านี้
โดยปัจจุบันบริการรถแท็กซี่อัตโนมัติ หรือแท็กซี่ไร้คนขับ กลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปในเมืองอู่ฮั่น (Wuhan) เช่น รถแท็กซี่ไร้คนขับ อพอลโล โก (Apollo Go) ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง ไป่ตู้ (Baidu) ที่กำลังทดสอบวิ่งอยู่ในเมืองอยู่เกือบ 500 คัน
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า บริการแท็กซี่ไร้คนขับนี้ กำลังให้ผู้ที่ทำอาชีพคนขับแท็กซี่ในจีนรู้สึกกังวล เนื่องจากบริการแท็กซี่ไร้คนขับดังกล่าว ส่วนใหญ่ให้บริการในเส้นทางระยะสั้น ซึ่งส่งผลกระทบกับรายได้ของพวกเขา รวมถึงแผนการที่ไป่ตู้วางไว้ว่าจะขยายบริการไปยังอีก 100 เมืองภายในปี 2030 ก็ยิ่งทำให้รู้สึกกังวลมากขึ้น
และไม่ใช่แค่คนขับแท็กซี่เท่านั้น แต่สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) ยังรายงานอีกว่า บรรดาครูสอนขับรถก็รู้สึกหวั่นกลัวกับสถานการณ์นี้เช่นกัน เพราะปัจจุบันนี้ ในโรงเรียนสอนขับรถต่าง ๆ เริ่มมีการใช้หุ่นยนต์สอนขับรถมากขึ้น โดยมีโรงเรียนแห่งหนึ่งที่เผยว่า ปัจจุบันนักเรียนส่วนใหญ่ ก็มักเลือกครูสอนแบบหุ่นยนต์มากกว่า และอัตราการสอบผ่าน ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
โรงเรียนสอนขับรถบางแห่ง ก็เลือกที่จะรับแรงงานครูสอนขับรถน้อยลง และหันมาใช้ AI หรือหุ่นยนต์ช่วยสอนมากกว่าด้วย เนื่องจากประหยัดค่าแรง ตอบโจทย์การเรียนการสอนแบบอิสระ สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ตลอด ส่วนในระหว่างการฝึกอบรมจริง ตัวครูสอนที่เป็นมนุษย์ อาจจะมีบทบาทช่วยสนับสนุนการฝึกเท่านั้น ในขณะที่ระบบ AIในรถ จะให้คำแนะนำการฝึกอบรมขี่ที่สำคัญ ซึ่งช่วยลดอัตราส่วนของครูที่เป็นมนุษยได้มาก
อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลจากแผนกวิเคราะห์ ของบริษัทในเครือหนังสือพิมพ์ The Economist หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ที่มีเนื้อหาเน้นไปที่ธุรกิจระหว่างประเทศ การเมือง และเทคโนโลยี ระบุว่ารัฐบาลจีนอาจจะจำกัดโควต้าของแท็กซี่ไร้คนขับบนท้องถนน และเพิ่มการสนับสนุนการจ้างงานคนขับรถที่จะตกงาน ซึ่งก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งมาตรการรองรับกับสถานการณ์นี้เช่นกัน
ข้อมูลจาก reutersconnect