รีเซต

เศรษฐกิจตกต่ำยอดคนว่างงานพุ่งสูงถึง 7.5 แสนคน รีบส่องสายงานที่องค์กรเปิดรับมากที่สุด

เศรษฐกิจตกต่ำยอดคนว่างงานพุ่งสูงถึง 7.5 แสนคน รีบส่องสายงานที่องค์กรเปิดรับมากที่สุด
TrueID
22 สิงหาคม 2563 ( 07:05 )
611
1
เศรษฐกิจตกต่ำยอดคนว่างงานพุ่งสูงถึง 7.5 แสนคน รีบส่องสายงานที่องค์กรเปิดรับมากที่สุด

อัตราคนว่างงานพุ่งสูงถึง 7.5 แสนคน เศรฐกิจย่ำแย่ซ้ำร้ายพิษโควิด-19 ซ้ำเติมรัฐเร่งหาวิธีแก้ไขกู้เงินฯ  4 แสนล้านบาทเข้าช่วย

 

ตั้งแต่ไทยอยู่ในช่วงโควิด-19 ระบาดจนมาถึงปัจจุบัน สิงหาคม ปี 2563 ได้ส่งผลกระทบต่าง ๆ มากมาย แต่จะเห็นได้ชัดมากที่สุดคงไม่พ้นเศรษฐกิจที่นับวันแย่ลงเรื่อย ๆ โดยปัญหาใหญ่ของไทยตอนนี้คือ คนว่างงาน โดยสถานการณ์การจ้างงานในไตรมาสสอง ปี 2563 ล่าสุดปรับตัวลดลง และพบผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนทั้งสิ้น 7.5 แสนคน โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 64.2 เป็นผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน และเมื่อพิจารณาเหตุผลในกำรว่างงาน พบว่า ร้อยละ 58.7 มีสาเหตุมาจากสถานที่ทำงานเลิก หยุด ปิดกิจการหรือหมดสัญญาจ้าง 

 

จากจำนวนประชากรว่าง 7.5 แสนคน แบ่งเป็นคนตกงานช่วงโควิด 3.6 แสนคน และเมื่อจำแนกร้อยละของจำนวนคนว่างงานตามประเภทต่าง ๆ มีดังนี้

โรงแรม/ภัตตาคารร้อยละ 18.3
ค้าปลีกค้าส่งร้อยละ 14.6
ก่อสร้างรอยละ 6.3

 

ในปัจจุบันรัฐบาลมีมาตรการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินฯ วงเงิน 4 แสนล้านบาท ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2563 ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปแล้วจำนวน 11 โครงการ รวมวงเงิน 42,964 ล้ำนบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างงานได้ 86,103 ตำแหน่ง โดยมีระยะเวลาการจ้างงาน 3-12 เดือน ที่จะช่วยให้ผู้ว่างงานสามารถมีงานทำและมีรายได้เพิ่มขึ้น

 

 

โดยรัฐยังมีการปรับปรุงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ได้มีขยายคุณสมบัติของผู้ประกอบการในการขอสินเชื่อ (Soft Loan) เพื่อขยายขอบเขตทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่เข้าถึงสินเชื่อนั้นได้ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องโดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำเป้าหมายหลักแก่ ศบศ. คือ การจ้างงาน การสนับสนุนภาคธุรกิจ และการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน

 

4 หลังการในการสนับสนุนครั้งนี้ ได้แก่ 

  1. สนับสนุนการท่องเที่ยว ในโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน โดยมีการปรับปรุงขยายสิทธิ และการช่วยเหลือค่าเครื่องบินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเดินทางได้ไกลขึ้น และขยายวงกลุ่มเป้าหมายโดยเน้นให้ธุรกิจขนาดใหญ่สามารถใช้สิทธิในการจัดประชุมสัมมนา
  2. สนับสนุนการดูแลภาคธุรกิจ SMEs ให้เข้าถึงได้มากขึ้น เพื่อให้มีสภาพคล่องและธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้
  3. มาตรการจ้างงาน โดยเฉพาะบัณฑิตจบใหม่และผู้ที่กำลังตกงานโดยมีการทำแพลตฟอร์ม “ไทยมีงานทำ” โดยเน้นให้มีข้อมูลในรูปแบบ Big Data รวมศูนย์ข้อมูลเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้จ้างงานและผู้รับจ้างได้มีโอกาสเจอกันง่ายขึ้น
  4. มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย

 

===

ประเภท SME ที่ได้รับความนิยม

 

เมื่ออัตราคนว่างงานมากขึ้น ธุรกิจที่จะมองข้างไม่ได้เลย คือ SME เพราะเป็นธุรกิจที่สอคล้องกับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและตอบโจทย์วิถีชีวิตใหม่ตอนนี้ได้มากที่สุดในตอนนี้ และ 5 ประเภทธุรกิจน่าจับตามอง สำหรับ SME และ Startup มือใหม่ ได้แก่

 

ด้านการท่องเที่ยว (TravelTech) ตอนนี้กำลังมาแรง เพราะว่ารัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชิมช็อปใช้ หรือแหล่งน่าดึงดูดใจในประเทศไทย หรือธุรกิจพลังงานสีเขียว ศัพท์ใหม่ด้านนี้ที่เป็นที่รู้จักมากขึ้น คือ TravelTech เป็นการรวมคำระหว่าง Travel + Technology จึงเป็น การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวทุกคน ได้มีทางเลือกการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น เพิ่มความสะดวกสบาย และยังทำให้ตลาดการท่องเที่ยวเติบโตมากขึ้น จึงเป็นการพลิกโฉมการท่องเที่ยวให้มีความทันสมัยกว่าเดิม

 

 

ด้านเทคโนโลยี (FinTech) เป็นการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยแก้ปัญหา และเพิ่มความสะดวกสบายด้านการทำธุรกรรม อีกทั้งการบริหารจัดการการเงิน จะช่วยสร้างผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ ๆ ที่งมีหลายรูปแบบมากขึ้น ธุรกิจออนไลน์จึงเป็นที่นิยมมาก และเป็นการเพิ่มช่องทางให้ลองลงขายสินค้าที่น่าสนใจ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เร็ว

 

ด้านการดูแลสุขภาพ(Healthcare) เนื่องจากแนวโน้มการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในปัจจุบัน จึงทำให้ธุรกิจพื่อสุขภาพ หรือรูปแบบเทรนด์การใช้ชีวิตแบบรักษ์โลก รักตัวเองก็กำลังมา เมื่อใครต่อใครต่างหันมาสนใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น และการดูแลรักษาสุขภาพก็ช่วยเรานำเทคโนโลยีเข้ามาแก้ปัญหา และประสิทธิภาพในด้านการแพทย์ การดูแลรักษาสุขภาพ โดยคนสามารถคุยหรือปรึกษาปัญหากับแพทย์ผ่านแพลตฟอร์มได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หรือ ธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ 

 

ด้านอสังหาริมทรัพย์(Property) ในด้าน SMEs Startup เกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็เช่นกัน ในปัจจุบันเมืองไทยก็ได้มีแอพพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ที่เป็นช่องทางมากขึ้นอย่าง ThinkOfLiving.com จะเข้ามาช่วยบวิเคราะห์ วิจารณ์ ในเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เหมือนช่วยเป็นตัวกลาง และนายหน้าในการฝากขายและจัดซื้ออสังหาริมทรัพย์อีกหลายๆ เว็บไซต์ด้วย 

 

ด้านโลจิสติกส์(LogTech) ในส่วนของธุรกิจขนส่ง จะเน้นเรื่อง การพัฒนาซอฟต์แวร์หรือแอพพลิเคชัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ เช่น ระบบบริหารคลังสินค้า , ระบบการจัดการขนส่ง รถบรรทุก เรือขนส่งสินค้า ท่าเรือ การขนส่งทางอากาศ หรือการจองและคำนวณราคาค่าขนส่งผ่านมือถือ ก่อนเลือกใช้บริการ. เพราะอย่างที่กล่าวไปว่า ธุรกิจออนไลน์กำลังรุ่งเรือง ใคร ๆ ก็ซื้อของผ่านออนไลน์กันได้ง่าย ๆ ดังนั้น ธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งจึงเป็นที่ต้องการมากขึ้นตามไปด้วย

 

===

 

โดย 5 สายงานที่องค์กรเปิดรับมากที่สุด อันดับหนึ่ง งานขาย คิดเป็น 19.9% อันดับสอง ช่างเทคนิค คิดเป็น  10.3% อันดับสาม ผลิต หรือควบคุมคุณภาพ คิดเป็น 7.9% อันดับสี่ วิศวกร คิดเป็น 5.8% อันดับห้า ธุรการจัดซื้อ คิดเป็น 5.7% และองค์กรที่มีอัตราการเปิดรับสมัครงานมากที่สุด คือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ,บริษัท เซ็นทรัลเรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด c]tบริษัท เงินติดล้อ จำกัด และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ส่วนเว็บไซต์ในการหางานทั้งไทยและต่างประเทศ คือ Fastwork, jobthai, jobsDB, glassdoor และ joblnw

 

เทคนิคเตรียมตัวการสมัครงาน

  1. มีความยืดหยุ่นในการสมัครงานมากขึ้น ทั้งการเลือกประเภทงาน รูปแบบการทำงาน ประเภทธุรกิจ และสถานที่ทำงาน
  2. รักษาความสัมพันธ์และพูดคุยกับคนรอบตัวเกี่ยวกับการหางานของเรา เพื่อให้เขาช่วยส่งข่าวเวลาเห็นตำแหน่งงานที่เหมาะกับเรา
  3. เรียนต่อหรือลงคอร์สเรียนต่าง ๆ เพื่อพัฒนาทักษะของตัวเองให้เหมาะกับตำแหน่งงานที่อยากทำ
  4. เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งานเสมอ จะได้ไม่พลาดถ้าเราผ่านด่านมาถึงการสัมภาษณ์แล้ว

 

 

ข้อมูล : moneyduck ,sentangsedtee ,brandbuffet ,blog.jobtha 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง