จับรถขนกะหล่ำปลี ทำช่องลับ ยัดแรงงานอัดแน่นรถ สภาพหวิดขาดอากาศตาย
จับรถขนกะหล่ำปลี ทำช่องลับ ยัดแรงงานอัดแน่นรถ สภาพหวิดขาดอากาศหายใจ คนขับสารภาพได้ค่าส่งเที่ยวละ 6,000 ส่วนแรงงานจ่ายคนละ 30,000
27 เม.ย. 2565 - พ.ต.อ.โอภาส คงเมือง รองผบก.ภ. จ.ตาก พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผู้กำกับ สภ.พบพระ สนธิกำลังฝ่ายปกครองอำเภอ ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ร่วมกันตั้งจุดสกัดตรวจค้นยานพาหนะ บนถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง หมู่ที่ 9 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ เพื่อสกัดตรวจจับการขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
เวลาต่อมามีรถกระบะ 2 คัน บรรทุกกะหล่ำปลีมาจนล้นคันรถ ขับติดตามกันมาด้วยความเร็วสูง เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้รถหยุดเพื่อขอตรวจสอบ จากการตรวจสอบรถคันแรก เป็นรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิซิ สีขาว ทะเบียน ผค-6490 เพชรบูรณ์ หลังรถบรรทุกกะหล่ำปลีมาจนล้นคัน มีผ้าใบดำคลุมมิดชิดโดยมี นายกฤษณ ทองมาก อายุ 25 ปีและ น.ส.ปริญญา หงส์ทอง อายุ 26 ปี นั่งโดยสารมาด้วย
แต่เจ้าหน้าที่พบทั้ง 2 คนมีอาการพิรุธ เหงื่อแตก ตัวสั่นแบบผิดปกติ จึงเชิญตัวลงจากรถ พร้อมตรวจภายในกระบะ พบช่องลับขนาดเล็ก และพบแรงงานเมียนมา 7 คนนั่งเบียดเสียดกันในสภาพเหงื่อแตกจากอากาศหายใจที่มีน้อย
ขณะที่รถกระบะอีกคัน เป็นรถยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ผฉ-8782 นครสวรรค์ บรรทุกกะหล่ำปลีมาจนเต็มคันมีผ้าใบปิดคลุมอย่างมิดชิดเช่นกัน มี นายสำเริง ทองมาก อายุ 56 ปี เป็นคนขับ และตรวจพบช่องลับพิเศษ พร้อมแรงงานเมียนมาอีก 7 คน สภาพไม่แตกต่างกับรถคันแรก จึงรีบช่วยเหลือทันที เพราะเกือบทั้งหมดอยู่ในอาการหายใจลำบาก จากการนั่งอัดอยู่ในพื้นที่แคบเป็นเวลานาน ก่อนจะควบคุมตัวแรงงานทั้งหมดพร้อมคนขับ ไปสอบสวนขยายผลต่อ
ทั้งนี้จากการสอบสวนทราบว่า คนขับได้ค่าจ้างขนแรงงานเที่ยวละ 6,000 บาท โดยจะส่งแรงงานชุดนี้ลงที่ตัวเมือง จ.ตาก จากนั้นจะมีกลุ่มมารับแรงงานไปอีกทอดหนึ่ง โดยมีจุดหมายปลายทางที่กรุงเทพฯ ส่วนแรงงานทั้งหมดต้องจ่ายค่านายหน้าเป็นเงินสูงถึงคนละ 30,000 บาท