ตั้งกรรมการสอบส.ต.ท.เจตนาฆ่า เตี้ยมช. หรือไม่

วันนี้ ( 20 พ.ค. 63 )ความคืบหน้ากรณีมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ แจ้งความดำเนินคดีกับ สิบตำรวจโท ผู้ต้องสงสัยที่ขี่รถจักรยานยนต์พาเตี้ย มช. สุนัขมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกไปเมื่อคืนวันที่ 3 พฤษภาคม กระทั่งพบศพเจ้าเตี้ยถูกทิ้งไว้ริมถนน หลังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 

เบื้องต้นผู้ต้องสงสัย สารภาพว่า ได้ขี่รถจักรยานยนต์นำเตี้ยออกจากมหาวิทยาลัย จริง อ้างว่าพาไปเที่ยวแต่เกิดอุบัติเหตุ เตี้ยกระโดดลงจากรถจนถูกล้อหลังทับตาย จึงนำศพไปทิ้งไว้ที่จุดดังกล่าว 

ด้าน นางสาวณภัทร นิธิวรภาส ตัวแทนมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ เผยว่า ทางมูลนิธิ มีหลักฐานที่แน่นหนาพอจะดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัย และผู้ร่วมกระทำ รวมทั้งผู้บงการได้ครบถ้วน 

ซึ่งข้อมูลนี้ทางตำรวจก็ทราบดีเช่นกัน ขณะนี้รอเพียงให้ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน แต่ทางมูลนิธิยังไม่สามารถเปิดเผยหลักฐานได้ เพราะอาจทำให้เสียรูปคดี สวนสาเหตุที่ทำให้มั่นใจว่า มีผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 1 คน เนื่องจากมีประชาชนส่งข้อมูล และหลักฐานมาให้ ส่วนสาเหตุและแรงจูงใจ ยังไม่ยืนยันว่ามาจากเรื่องอะไร เนื่องจากเตี้ย มช.มีทั้งคนรักและคนเกลียด 

ส่วนข้อสงสัยเรื่องบาดแผลบริเวณต้นคอของเจ้าเตี้ย จำนวน 4 แผล นั้น นางสาวณภัทร บอกว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากอะไร เพราะหลังพบซากศพเตี้ย สภาพเริ่มเน่าแล้วทำให้ เนื้อเยื่อเริ่มย่อยสลาย แต่พยานบุคคลที่ให้ข้อมูลในคืนเกิดเหตุยืนยันว่าได้ยินเสียงดังคล้ายปืน 4 นัด โดยพยานรายนี้พร้อมจะให้ปากคำยืนยัน 

ขณะนี้การเก็บรวบรวมหลักฐานเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น เหลือเพียงให้เจ้าหน้าที่ รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน เชื่อว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์คดีจะต้องจบ 

ด้าน พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันคดีนี้ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่เพื่อหาคำตอบให้สังคม 

สำหรับประเด็นที่มีการระบุว่า มีพยานได้ยินเสียงปืน 4 นัดในคืนที่เกิดเหตุ น่าเชื่อว่าเกิดการทารุณกรรมสัตว์ขึ้น และคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 1 คนนั้น ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และข้อมูลเทียบเคียงสาเหตุการเสียชีวิตจากผลการชันสูตร โดยหากมีหลักฐานเพิ่มเติม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมที่จะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของผู้ต้องสงสัย กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ได้มีการมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น ว่ามีเจตนาทำให้สุนัขตายหรือไม่ โดยต้องให้เวลาต้นสังกัดในการสืบสวนและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป