จุดซื้อสุดท้าย! ก่อนทองคำพุ่งสู่ 60,000 บาทปีหน้า แนะย่อซื้อรับข่าวเฟดลดดอกเบี้ย

นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE วันที่ 10 กันยายน 2568 โดยย้ำว่าภาพรวมของราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน และการปรับตัวขึ้นยังไม่สิ้นสุด
"ภาพหลักๆ ของราคาทองของตลาดโลกเนี่ยต้องย้ำว่ายังเป็นขาขึ้นอยู่และยังมีโอกาสที่จะขึ้นต่อเนื่อง เพราะว่าในช่วงอาทิตย์สองอาทิตย์นี้ ก็จะเป็นช่วงที่น่าจะเป็นข่าวการลดดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งรอคอยกันมานาน" นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าว
แม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นมาสูงและทำ All-Time High เกือบทุกวัน แต่คุณหมอยังคงแนะนำกลยุทธ์ “ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว” (Buy on Dip) สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าสะสมในรอบสุดท้ายนี้
แนวรับทองคำต่างประเทศ (Spot Gold): 3,610 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับทองคำในประเทศ: 54,000 บาท
กลยุทธ์ทองคำ นายแพทย์กฤชรัตน์แนะนำให้รอจังหวะที่ราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับดังกล่าวเพื่อเข้าซื้อ แต่หากตลาดยังคงแข็งแกร่งและไม่ย่อตัวลงมา ก็ยังสามารถทยอยเข้าซื้อสะสมเล็กน้อยตามทิศทางตลาดได้
ขยับเป้าปีนี้สู่ $3,900-ลุ้น 60,000 บาทปีหน้า
จากแนวโน้มที่แข็งแกร่ง MTS Gold ได้มีการปรับเป้าหมายราคาทองคำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีมุมมองเป้าหมายสิ้นปี 2568 ขยับเป้าขึ้นมาที่ 3,800 - 3,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 56,000 - 57,000 บาท
ส่วนเป้าหมายระยะยาว (ปี 2569): มีโอกาสสูงที่จะได้เห็นราคาทองคำไทยแตะระดับ 60,000 บาท ซึ่งหมายความว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะต้องทะลุระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขึ้นไป
"60,000 บาทเนี่ยยังคิดว่าน่าจะเป็นปีหน้า ซึ่งน่าจะเห็นแน่ในปีหน้า แต่ปีนี้เนี่ยน่าจะยังเร็วเกินไป" นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าว
ปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงคือ ความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการลดอีก 2 ครั้งในปีนี้ (พ.ย. และ ธ.ค.) และอาจจะลดอีก 2-4 ครั้งในปีหน้า ซึ่งจะกดดันค่าเงินดอลลาร์และเป็นผลบวกโดยตรงต่อทองคำ
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่ต้องจับตา หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาดีขึ้นอย่างกะทันหัน จนทำให้เฟดต้องชะลอหรือหยุดการลดดอกเบี้ย ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำปรับฐานลงแรงได้ แต่คุณหมอประเมินว่าโอกาสเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวยังมีน้อย และถึงแม้จะเกิดขึ้น แนวรับที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นฐานสำคัญของรอบนี้บริเวณ 3,300 - 3,350 ดอลลาร์ต่ออนซ์ (หรือ 51,000 บาท) ไม่น่าจะหลุดลงไปได้ง่ายๆ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
